Huawei Smart Power Sensor: เจาะลึก "ผู้จัดการพลังงาน" ของระบบโซล่าเซลล์

คู่มือวิเคราะห์และติดตั้งฉบับผู้เชี่ยวชาญสำหรับ Huawei Smart Power Sensor: รุ่น DDSU666-H, DTSU666-H และ DTSU666-HW
บทนำ: บทบาทของ Smart Power Sensor ในระบบเซลล์แสงอาทิตย์ยุคใหม่
ในอดีต ระบบเซลล์แสงอาทิตย์ (PV) ถูกมองว่าเป็นเพียงหน่วยผลิตไฟฟ้า แต่ปัจจุบันได้เกิดการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ครั้งสำคัญ จากระบบที่เน้นการวัดปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้ (Gross Metering) ไปสู่การบริหารจัดการพลังงานสุทธิ (Net Metering) ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ Smart Power Sensor ไม่ได้เป็นเพียงอุปกรณ์เสริมอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นองค์ประกอบหลักที่ขาดไม่ได้สำหรับระบบ PV สมัยใหม่ อุปกรณ์นี้ทำหน้าที่เป็นแหล่งข้อมูลความละเอียดสูงที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนผ่านดังกล่าว
Smart Power Sensor ทำหน้าที่สำคัญสองประการ เปรียบได้กับการเป็นทั้ง "เครื่องบันทึกการเงิน" และ "ผู้ควบคุมการจราจร" ของระบบพลังงานในบ้านหรืออาคาร ในฐานะ "เครื่องบันทึกการเงิน" เซ็นเซอร์จะวัดค่าพลังงานทุกวัตต์ที่นำเข้าจากหรือส่งออกไปยังระบบโครงข่ายไฟฟ้า (Grid) ด้วยความแม่นยำสูงระดับ Class 1 ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการคำนวณค่าไฟฟ้าและเครดิตพลังงาน ในขณะเดียวกัน ในฐานะ "ผู้ควบคุมการจราจร" เซ็นเซอร์จะส่งข้อมูลการไหลของพลังงานแบบเรียลไทม์กลับไปยังอินเวอร์เตอร์ เพื่อให้อินเวอร์เตอร์สามารถจัดการการไหลของพลังงานได้อย่างชาญฉลาด เช่น การจำกัดการส่งออกไฟฟ้าคืนสู่กริด (Export Limitation)
เซ็นเซอร์อัจฉริยะเหล่านี้เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยเติมเต็มระบบนิเวศ "One-Fits-All" ของ Huawei FusionSolar ซึ่งประกอบด้วยอินเวอร์เตอร์ (Smart Energy Controller), อุปกรณ์เพิ่มประสิทธิภาพ (Optimizer), แบตเตอรี่ (Smart String ESS) และระบบบริหารจัดการ FusionSolar โดยเซ็นเซอร์ทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อข้อมูลที่สำคัญระหว่างจุดเชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้ากับอินเวอร์เตอร์ ทำให้ส่วนประกอบทั้งหมดในระบบนิเวศสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้แบตเตอรี่และการเพิ่มอัตราการใช้พลังงานที่ผลิตได้เอง (Self-consumption) การที่ Huawei พัฒนาและให้ความสำคัญกับ Smart Power Sensor อย่างจริงจังนั้น สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ในอุตสาหกรรม PV จากเดิมที่มุ่งเน้นเพียงประสิทธิภาพการผลิต (ประสิทธิภาพแผง, กำลังไฟฟ้าอินเวอร์เตอร์) ไปสู่การให้ความสำคัญกับการจัดการพลังงานอัจฉริยะและการมีปฏิสัมพันธ์กับโครงข่ายไฟฟ้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของระบบพลังงานแห่งอนาคต
การเลือกรุ่นและการวิเคราะห์เปรียบเทียบ
การเลือก Smart Power Sensor รุ่นที่เหมาะสมเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดในการออกแบบระบบที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Huawei ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ตั้งแต่บ้านพักอาศัยขนาดเล็กไปจนถึงโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
2.1. ขอบเขตการใช้งานของแต่ละรุ่น
DDSU666-H: ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับระบบไฟฟ้า 1 เฟส (1P2W) ซึ่งเป็นระบบมาตรฐานสำหรับบ้านพักอาศัยทั่วไป ด้วยขนาดที่กะทัดรัด มีความกว้างเพียง 36 มม. จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการติดตั้งในตู้ควบคุมไฟฟ้า (Consumer Unit) ที่มีพื้นที่จำกัด
DTSU666-H & DTSU666-H 250A/50mA: มุ่งเป้าไปที่การติดตั้งในบ้านพักอาศัยขนาดใหญ่ หรืออาคารพาณิชย์ขนาดเล็กถึงขนาดกลางที่ใช้ระบบไฟฟ้า 3 เฟส (3P3W/3P4W) จุดแตกต่างที่สำคัญระหว่างสองรุ่นย่อยนี้คือพิกัดของ Current Transformer (CT) ที่ให้มาในชุด โดยรุ่นมาตรฐานมาพร้อมกับ CT ขนาด 100A ในขณะที่อีกรุ่นมาพร้อมกับ CT ขนาด 250A สำหรับการใช้งานที่ต้องการรองรับกระแสไฟฟ้าสูงขึ้น ทำให้สามารถเลือกรุ่นได้ตามขนาดของเมนเบรกเกอร์หลักได้อย่างชัดเจน
DTSU666-HW/YDS60-80: เป็นรุ่นที่มีความยืดหยุ่นและทรงพลังที่สุด เหมาะสำหรับโครงการเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม (C&I) ขนาดใหญ่ คุณสมบัติเด่นคือความสามารถในการวัดกระแสไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 80A ผ่านการต่อตรง (Direct Connection) และสามารถวัดกระแสไฟฟ้าได้ไม่จำกัดเมื่อใช้ร่วมกับ CT ภายนอก นอกจากนี้ยังรองรับระบบไฟฟ้าแรงสูง (มากกว่า 500V) โดยใช้ร่วมกับ Potential Transformer (PT) ได้อีกด้วย
2.2. ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติทางเทคนิค
ตารางต่อไปนี้ได้รวบรวมข้อมูลจำเพาะที่สำคัญจากเอกสารข้อมูลต่างๆ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการตัดสินใจเลือกเซ็นเซอร์ที่เหมาะสมกับหน้างานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
| คุณสมบัติ | DDSU666-H | DTSU666-H (100A) | DTSU666-H (250A) | DTSU666-HW/YDS60-80 |
| ประเภทระบบไฟฟ้า | 1 เฟส 2 สาย (1P2W) | 3 เฟส 3 สาย/4 สาย (3P3W/3P4W) | 3 เฟส 3 สาย/4 สาย (3P3W/3P4W) | 3 เฟส 3 สาย/4 สาย (3P3W/3P4W) |
| แรงดันไฟฟ้า (Phase/Line) | 176-288 Vac | 176-288 Vac | 176-288 Vac | 52-577 Vac / 90-1000 Vac |
| ช่วงการวัดกระแส | 0-100 A | 0-100 A | 0-250 A | 0-80 A (ต่อตรง) / >80 A (ผ่าน CT) |
| วิธีการเชื่อมต่อ | ผ่าน CT | ผ่าน CT | ผ่าน CT | ต่อตรง หรือ ผ่าน CT/PT |
| ขนาด (สูง x กว้าง x ลึก) | 100×36×65.5 มม. | 100×72×65.5 มม. | 100×72×65.5 มม. | 100×72×80 มม. |
| น้ำหนัก (รวมสาย) | 1.2 กก. | 1.5 กก. | 1.5 กก. | < 0.5 กก. |
| การใช้พลังงาน | 0.8 W | 1 W | 1 W | 1.5 W |
| ระดับความแม่นยำ | Class 1 | Class 1 | Class 1 | Class 1 |
| การสื่อสาร | RS485 | RS485 | RS485 | RS485 |
| อุปกรณ์ในชุด | 1x CT 100A/40mA, สาย RS485 | 3x CT 100A/40mA, สาย RS485 | 3x CT 250A/50mA, สาย RS485 | ไม่มี CT/PT (ต้องจัดหาแยก) |
2.3. การวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสีย
การจัดกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Huawei ไม่ใช่เพียงการนำเสนอมิเตอร์ที่มีคุณสมบัติต่างกัน แต่เป็นการสะท้อนกลยุทธ์ที่แบ่งระดับตามความซับซ้อนและขนาดของระบบ PV ซึ่งช่วยลดต้นทุนสำหรับงานติดตั้งในบ้านพักอาศัยที่ไม่ซับซ้อน ในขณะเดียวกันก็มอบความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพที่จำเป็นสำหรับโครงการ C&I ที่มีความต้องการสูง กลยุทธ์นี้เป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ผลิต (ลดความซับซ้อนในการผลิตและสต็อกสินค้า) และผู้ติดตั้ง (เรียนรู้ผลิตภัณฑ์ไม่กี่รุ่นแต่ประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย)
DDSU666-H:
ข้อดี: ติดตั้งง่าย, กะทัดรัด, ประหยัดพลังงาน (ใช้ไฟไม่เกิน 0.8W) และคุ้มค่าสำหรับงานติดตั้ง 1 เฟสโดยเฉพาะ
ข้อเสีย: ขาดความยืดหยุ่น ถูกจำกัดให้ใช้กับระบบ 1 เฟส และกระแสไม่เกิน 100A เท่านั้น
DTSU666-H (100A/250A):
ข้อดี: เป็นโซลูชันที่สมบูรณ์แบบสำหรับงานติดตั้ง 3 เฟสส่วนใหญ่ มาพร้อมกับ CT ที่จับคู่มาให้ในชุด ทำให้การจัดซื้อสะดวกและลดความผิดพลาด
ข้อเสีย: ถูกจำกัดด้วยพิกัดของ CT ที่ให้มา หากหน้างานมีเมนเบรกเกอร์ขนาด 400A รุ่นนี้จะไม่สามารถใช้งานได้ ทำให้ต้องเลือกรุ่น HW ที่มีความซับซ้อนกว่า
DTSU666-HW/YDS60-80:
ข้อดี: มีความยืดหยุ่นและขยายขีดความสามารถได้สูงสุด ความสามารถในการต่อตรงสำหรับโหลด C&I ขนาดเล็ก (<80A) และการใช้ CT/PT ภายนอกสำหรับงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ทำให้เป็นโซลูชัน "หนึ่งเดียวครบวงจร" สำหรับผู้ติดตั้งมืออาชีพที่ทำงานในโครงการที่หลากหลาย
ข้อเสีย: การติดตั้งและการตั้งค่ามีความซับซ้อนกว่า เนื่องจากต้องกำหนดค่าอัตราส่วน CT/PT และเลือกรูปแบบการเดินสายไฟ (SPEC=0 หรือ SPEC=1) ให้ถูกต้อง ซึ่งเพิ่มโอกาสเกิดข้อผิดพลาดหากผู้ติดตั้งขาดความชำนาญ
ระเบียบวิธีการติดตั้งฉบับสมบูรณ์
การติดตั้ง Smart Power Sensor อย่างถูกต้องเป็นหัวใจสำคัญของความแม่นยำและเสถียรภาพของทั้งระบบ การเดินสายไฟที่ผิดพลาดไม่ได้ส่งผลแค่ตัวเลขที่ไม่ถูกต้อง แต่ยังทำให้ฟังก์ชันการทำงานหลักของระบบ เช่น การจำกัดการส่งออกไฟฟ้า ล้มเหลวได้
3.1. หลักการพื้นฐาน
ตำแหน่งการติดตั้ง: ต้องติดตั้งเซ็นเซอร์และ CT ณ จุดเชื่อมต่อร่วม (Point of Common Coupling) ซึ่งโดยทั่วไปคือตำแหน่งหลังมิเตอร์ของการไฟฟ้าและก่อนที่จะมีการแยกวงจรย่อยของโหลดใดๆ นี่เป็นหลักการที่สำคัญที่สุดเพื่อให้สามารถวัดค่าพลังงานของทั้งระบบได้อย่างแม่นยำ
การติดตั้งทางกายภาพ: ทุกรุ่นถูกออกแบบมาเพื่อติดตั้งบนราง DIN มาตรฐานขนาด 35 มม. ซึ่งเป็นมาตรฐานทั่วไปในตู้ไฟฟ้า การติดตั้งทำได้โดยการเกี่ยวตัวอุปกรณ์เข้ากับราง
ข้อควรระวังด้านความปลอดภัย: ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าในท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด ใช้อุปกรณ์และเครื่องมือที่มีฉนวนป้องกัน และต้องตัดการเชื่อมต่อจากแหล่งจ่ายไฟทุกครั้งก่อนเริ่มปฏิบัติงาน
3.2. การติดตั้งระบบ 1 เฟส: DDSU666-H
การเชื่อมต่อแรงดันไฟฟ้า: ต่อสาย Line (L) เข้าที่ขั้วต่อหมายเลข 3 และสาย Neutral (N) เข้าที่ขั้วต่อหมายเลข 4
การเชื่อมต่อ CT: คล้อง CT (100A/40mA) ที่สายเมน Line (L) ที่มาจากมิเตอร์ของการไฟฟ้า โดยให้ลูกศรบนตัว CT ชี้ทิศทางจากระบบโครงข่ายไฟฟ้าไปยังโหลด (เข้าบ้าน) จากนั้นต่อสายจาก CT โดยสาย I* เข้าที่ขั้วต่อหมายเลข 5 และสาย I เข้าที่ขั้วต่อหมายเลข 6
3.3. การติดตั้งระบบ 3 เฟส: DTSU666-H & DTSU666-H 250A/50mA
แผนภาพการเดินสายไฟไม่ได้เป็นเพียงคำแนะนำ แต่เป็นภาพสะท้อนทางกายภาพของแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่เซ็นเซอร์ใช้ในการคำนวณกำลังไฟฟ้า การคำนวณกำลังไฟฟ้า 3 เฟสใช้สูตรพื้นฐาน P=U
A
I
A
+U
B
I
B
+U
C
I
C
ซึ่งหมายความว่าแรงดันไฟฟ้าที่วัดได้ในเฟสใดๆ (เช่น UAจากขั้ว 3) จะต้องถูกนำไปคูณกับกระแสไฟฟ้าที่วัดได้จากเฟสเดียวกันนั้น (เช่น IAจาก CT ที่ขั้ว 13/14) การสลับสาย CT หรือการเข้าสายแรงดันผิดเฟสจะทำให้สมการนี้ผิดเพี้ยนไปโดยสิ้นเชิง ส่งผลให้ค่ากำลังไฟฟ้าและ Power Factor ที่แสดงผลออกมาไม่ถูกต้อง
การเดินสายแบบ 3 เฟส 4 สาย (3P4W):
แรงดันไฟฟ้า: ต่อสาย Ua (L1) เข้าขั้ว 3, Ub (L2) เข้าขั้ว 6, Uc (L3) เข้าขั้ว 9 และ Un (Neutral) เข้าขั้ว 10
CT: คล้อง CT-A ที่สาย L1, CT-B ที่สาย L2, และ CT-C ที่สาย L3 โดยให้ลูกศรชี้ไปยังทิศทางของโหลดเสมอ
สาย CT: ต่อสาย IA*/IA เข้าขั้ว 13/14, IB*/IB เข้าขั้ว 16/17, และ IC*/IC เข้าขั้ว 19/21
การเดินสายแบบ 3 เฟส 3 สาย (3P3W):
แรงดันไฟฟ้า: ต่อสาย Ua (L1) เข้าขั้ว 3, Uc (L2) เข้าขั้ว 9, และ Ub (L3) เข้าขั้ว 10 (โปรดสังเกตว่า L3 ต่อเข้าขั้ว 10)
CT: โดยทั่วไปจะใช้ CT เพียง 2 ตัว คือที่เฟส A และ C โดยมิเตอร์จะคำนวณค่าของเฟส B เอง
สาย CT: ต่อสาย IA*/IA เข้าขั้ว 13/14 และ IC*/IC เข้าขั้ว 19/21 โดยไม่ต้องต่อ CT ที่เฟส B
3.4. การติดตั้งขั้นสูง 3 เฟส: DTSU666-HW/YDS60-80
การติดตั้งรุ่นนี้ต้องพิจารณาตามสถานการณ์ของหน้างาน:
สถานการณ์ A: การต่อตรง (กระแส 80 A, แรงดัน 500 V): ต่อสายไฟฟ้าเข้าที่ขั้วต่อแรงดันและกระแสของมิเตอร์โดยตรง ซึ่งเป็นการใช้งาน "Channel 1"
สถานการณ์ B: การเชื่อมต่อผ่าน CT ภายนอก (กระแส >80 A, แรงดัน 500 V): ต่อสายวัดแรงดันเข้าที่มิเตอร์โดยตรง แต่ให้สายเมนกระแสหลักรอดผ่าน CT ภายนอก (เช่น 400A/5A) จากนั้นนำสายสัญญาณด้านทุติยภูมิของ CT มาต่อเข้าที่ขั้วต่อกระแส "Channel 2" ของมิเตอร์
สถานการณ์ C: การเชื่อมต่อผ่าน CT และ PT ภายนอก (แรงดัน >500 V): สำหรับระบบไฟฟ้าแรงสูงในโรงงานอุตสาหกรรม จำเป็นต้องใช้ทั้ง Potential Transformer (PT) เพื่อลดทอนแรงดัน และ Current Transformer (CT) เพื่อลดทอนกระแส แล้วจึงนำสัญญาณด้านทุติยภูมิของทั้งสองมาต่อเข้ากับมิเตอร์
3.5. การเดินสายสื่อสาร RS485
เชื่อมต่อสาย RS485A และ RS485B จากขั้วต่อหมายเลข 24 และ 25 ของเซ็นเซอร์ไปยังพอร์ต RS485 ที่ตรงกันบนอินเวอร์เตอร์หรือ SmartLogger เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ควรใช้สายคู่บิดเกลียวที่มีชีลด์ป้องกันสัญญาณรบกวน (Shielded Twisted-Pair) ตรวจสอบให้แน่ใจว่าต่อสายถูกขั้ว (A ไป A, B ไป B) และต่อสายชีลด์ลงกราวด์ที่ปลายด้านใดด้านหนึ่งเพื่อลดสัญญาณรบกวน
การทดสอบระบบและการกำหนดค่าพารามิเตอร์
หลังจากการติดตั้งทางกายภาพเสร็จสิ้น ขั้นตอนการกำหนดค่าพารามิเตอร์ (Commissioning) ถือเป็นการตรวจสอบความถูกต้องของการติดตั้งทั้งหมด กระบวนการนี้เปรียบเสมือนการวินิจฉัยขั้นสุดท้าย หากพารามิเตอร์ไม่ถูกต้อง เช่น อัตราส่วน CT ผิด หรือแอปพลิเคชันตรวจไม่พบมิเตอร์ จะเป็นสัญญาณเตือนทันทีว่ามีปัญหาที่การเดินสาย (เช่น สลับขั้ว RS485) หรือการตั้งค่า ทำให้สามารถแก้ไขได้ทันที ณ หน้างาน แทนที่จะต้องเสียเวลากลับมาแก้ไขในภายหลัง
4.1. การใช้งานหน้าจอ LCD
การทำงานของปุ่ม: ทำความเข้าใจหน้าที่ของปุ่มต่างๆ: SET (ยืนยัน/เลื่อนเคอร์เซอร์), ESC (ออก), และ (เพิ่มค่า/เลื่อน)
การเข้าสู่เมนูตั้งค่า: โดยทั่วไปจะต้องกดปุ่ม SET ค้างไว้ หรือใส่รหัสผ่านเริ่มต้น (เช่น 701 สำหรับรุ่น DTSU666-H และ DTSU666-HW) เพื่อเข้าสู่โหมดการตั้งค่าพารามิเตอร์
4.2. การตั้งค่าพารามิเตอร์ที่จำเป็น
Communication Address (Addr): เซ็นเซอร์แต่ละตัวบนบัส RS485 ต้องมี Address ที่ไม่ซ้ำกัน (ช่วง 1-247) โดยค่าเริ่มต้นมักจะเป็น 11 การตั้งค่านี้สำคัญมากในระบบที่มีอุปกรณ์หลายตัว
Baud Rate (rate): ต้องตั้งค่าให้ตรงกับอุปกรณ์หลัก (อินเวอร์เตอร์/Logger) โดยค่าเริ่มต้นคือ 9600 bps หากค่า Baud Rate ไม่ตรงกัน จะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้การสื่อสารล้มเหลว
การตั้งค่าเฉพาะรุ่น (DTSU666-HW):
SPEC: ตั้งเป็น 1 สำหรับการต่อตรง หรือ 0 สำหรับการต่อผ่านหม้อแปลง (CT/PT)
net: ตั้งเป็น n.34 สำหรับระบบ 3 เฟส 4 สาย หรือ n.33 สำหรับระบบ 3 เฟส 3 สาย
CT / PT: ป้อนค่าอัตราส่วนของหม้อแปลงภายนอกให้ถูกต้อง เช่น หากใช้ CT ขนาด 400A/5A อัตราส่วนที่ต้องป้อนคือ 80 การตั้งค่านี้ต้องแม่นยำเพื่อให้มิเตอร์รายงานค่ากำลังไฟฟ้าที่ถูกต้อง
4.3. การตรวจสอบและยืนยัน
ขั้นตอนสุดท้ายคือการยืนยันการทำงานของอุปกรณ์ผ่านแอปพลิเคชัน FusionSolar โดยการเชื่อมต่อกับอินเวอร์เตอร์ในพื้นที่ (Local Connection) จากนั้นไปที่เมนูจัดการอุปกรณ์ (Device Management) เพื่อเพิ่มหรือตรวจสอบสถานะของ Smart Power Sensor ผู้ติดตั้งควรตรวจสอบการไหลของข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อให้แน่ใจว่าการสื่อสารเป็นปกติและค่าที่อ่านได้มีความสมเหตุสมผลก่อนออกจากหน้างาน
ข้อควรระวังที่สำคัญและการแก้ไขปัญหาที่พบบ่อย
ความผิดพลาดในการติดตั้งแม้เพียงเล็กน้อยอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประสิทธิภาพของระบบ การทำความเข้าใจปัญหาที่พบบ่อยและวิธีแก้ไขจะช่วยให้ผู้ติดตั้งสามารถวินิจฉัยและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
5.1. ปัญหา "Phase Rotation" (ในระบบ 3 เฟส)
อาการ: กราฟการใช้พลังงาน (Consumption) ใน FusionSolar มีรูปร่างที่ผิดปกติ โดยมีลักษณะคล้ายกับกราฟการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ และค่า Power Factor (PF) ที่อ่านได้จะต่ำมากหรือผิดเพี้ยนไป
สาเหตุ: เกิดจากการไม่ตรงกันระหว่างเฟสของสายไฟฟ้าที่ CT คล้องอยู่กับเฟสของสายวัดแรงดันที่ต่อเข้ามิเตอร์ เช่น ต่อสายวัดแรงดัน L1 เข้าที่ขั้ว 3 แต่กลับนำ CT ของ L2 มาต่อเข้าที่ขั้ว 13/14
วิธีแก้ไข: วิธีที่ดีที่สุดคือการใช้เครื่องทดสอบลำดับเฟส (Phase Rotation Tester) เพื่อระบุ L1, L2, L3 ให้ถูกต้องและตรวจสอบให้แน่ใจว่าการเชื่อมต่อแรงดันและ CT ตรงกันทุกเฟส หากไม่มีเครื่องมือ สามารถแก้ไขโดยการสลับสาย CT ไปยังเฟสต่างๆ อย่างเป็นระบบ พร้อมกับสังเกตค่า Power Factor ในแอป FusionSolar การผสมผสานที่ถูกต้องจะให้ค่า PF ใกล้เคียง 1
5.2. ความสำคัญของ "ทิศทางและขั้วของ CT"
อาการ: อ่านค่ากำลังไฟฟ้าเป็นลบในขณะที่บ้านกำลังดึงไฟจากกริด หรือค่าการนำเข้า/ส่งออกไฟฟ้าไม่ถูกต้อง
สาเหตุ 1 (ทิศทาง): ลูกศรบนตัว CT ชี้จากโหลดไปยังกริด แทนที่จะชี้จากกริดไปยังโหลด
สาเหตุ 2 (ขั้ว): ต่อสายสัญญาณจาก CT (เช่น I* และ I) สลับขั้วที่มิเตอร์ (เช่น ต่อสาย I เข้าขั้ว 5 และ I* เข้าขั้ว 6 ในรุ่น DDSU666-H)
วิธีแก้ไข: ตรวจสอบทิศทางของลูกศรบน CT และแก้ไขให้ถูกต้อง และตรวจสอบการเข้าสายสัญญาณ CT ที่ขั้วต่อของมิเตอร์ให้ตรงตามแผนภาพในคู่มือ
5.3. ตารางแนวทางการแก้ไขปัญหา
ตารางนี้เป็นเครื่องมือวินิจฉัยปัญหาเบื้องต้นสำหรับผู้ติดตั้ง ณ หน้างาน โดยเชื่อมโยงอาการที่สังเกตได้กับสาเหตุที่เป็นไปได้และขั้นตอนการแก้ไขที่ชัดเจน
| อาการ | สาเหตุที่เป็นไปได้ | แนวทางการแก้ไข |
| ไม่มีการแสดงผลบนหน้าจอ LCD | ไม่มีแรงดันไฟฟ้าจ่ายให้มิเตอร์ / ต่อสายวัดแรงดันผิด | ตรวจสอบแรงดันไฟฟ้าที่ขั้วต่อของมิเตอร์ และตรวจสอบการเดินสายไฟให้ถูกต้องตามแผนภาพ |
| มิเตอร์ออฟไลน์ใน FusionSolar | - สาย RS485 สลับขั้ว, หลุด หรือขาด - ตั้งค่า Address/Baud Rate ไม่ตรงกัน | - ตรวจสอบการเชื่อมต่อและขั้วของสาย RS485 (A-A, B-B) - ตั้งค่า Address และ Baud Rate บนมิเตอร์และอินเวอร์เตอร์ให้ตรงกัน |
| อ่านค่ากำลังไฟฟ้า/พลังงานเป็นลบ | - ทิศทางลูกศรบน CT ไม่ถูกต้อง - ต่อสาย CT สลับขั้ว (I* กับ I) | - ตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกศรบน CT ชี้จากกริดไปยังโหลด - แก้ไขการต่อสาย CT ที่ขั้วต่อมิเตอร์ให้ถูกต้อง |
| ค่าที่วัดได้ไม่แม่นยำ | - ตั้งค่าอัตราส่วน CT/PT ไม่ถูกต้อง (ในรุ่น HW) - เลือกโหมดการเดินสายผิด (3P3W vs 3P4W) | - ป้อนค่าอัตราส่วน CT/PT ให้ตรงกับอุปกรณ์ที่ใช้ - ตั้งค่าพารามิเตอร์ net ให้ตรงกับระบบไฟฟ้าหน้างาน |
| กราฟ Consumption คล้ายกับ Production | เกิดปัญหา Phase Rotation (CT กับแรงดันไม่ตรงเฟสกัน) | ใช้ Phase Rotation Tester หรือตรวจสอบค่า PF เพื่อจัดเรียงเฟสของ CT ให้ตรงกับแรงดัน |
การปลดล็อกศักยภาพของระบบ: การบูรณาการฟังก์ชันการทำงาน
Smart Power Sensor ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือวัด แต่เป็นอุปกรณ์ที่เปิดใช้งานคุณสมบัติอัจฉริยะต่างๆ ของระบบ FusionSolar มันเปลี่ยนอินเวอร์เตอร์จากอุปกรณ์แปลงไฟธรรมดาให้กลายเป็นศูนย์กลางการจัดการพลังงานแบบไดนามิก หากไม่มีข้อมูลจากเซ็นเซอร์ อินเวอร์เตอร์จะเปรียบเสมือน "คนตาบอด" ที่ไม่รับรู้สภาวะของโหลดและกริด ทำได้เพียงผลิตไฟฟ้าตามกำลังสูงสุดที่เป็นไปได้เท่านั้น
6.1. การเปิดใช้งานฟังก์ชันจำกัดการส่งออกไฟฟ้า (Zero Export)
นี่คือหนึ่งในฟังก์ชันหลักที่เซ็นเซอร์เป็นผู้เปิดใช้งาน เซ็นเซอร์จะวัดค่าพลังงาน ณ จุดเชื่อมต่อกริดอย่างต่อเนื่อง หากตรวจพบว่ามีการส่งออกไฟฟ้า (พลังงานไหลย้อนกลับเข้าสู่กริด) มันจะส่งข้อมูลนี้ไปยังอินเวอร์เตอร์ผ่านการสื่อสาร RS485 จากนั้น อัลกอริทึมของอินเวอร์เตอร์จะลดกำลังการผลิตของตนเองลงอย่างรวดเร็วเพื่อให้สมดุลกับการใช้ไฟฟ้าภายในอาคาร ทำให้สามารถจำกัดการส่งออกไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่กำหนด (ซึ่งส่วนใหญ่มักตั้งไว้ที่ศูนย์) ได้ กระบวนการทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเป็นวงจรต่อเนื่องความเร็วสูง ซึ่งความแม่นยำของเซ็นเซอร์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเสถียรภาพของฟังก์ชันนี้
6.2. การแสดงผลการไหลของพลังงานใน FusionSolar
ข้อมูลจากเซ็นเซอร์เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับแผนภาพการไหลของพลังงาน (Energy Flow Diagram) ที่แสดงผลในแอปพลิเคชันและเว็บพอร์ทัล
คำอธิบายการคำนวณที่สำคัญ :
Yield (การผลิต): วัดค่าโดยตรงจากอินเวอร์เตอร์
Export (การส่งออก): วัดค่าโดยเซ็นเซอร์ในรูปของพลังงานไฟฟ้ากระแสสลับด้านบวก (Positive Active Energy)
Import (การนำเข้า): วัดค่าโดยเซ็นเซอร์ในรูปของพลังงานไฟฟ้ากระแสสลับด้านย้อนกลับ (Reverse Active Energy)
Consumption (การใช้ไฟฟ้า): เป็นค่าที่ได้จากการ คำนวณ โดยใช้สูตร: Consumption = Yield - Export + Import นี่เป็นจุดสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจว่าระบบไม่ได้วัดค่าโหลดโดยตรง แต่คำนวณจากค่าอื่นๆ ที่ทราบ
Self-Consumption (การใช้พลังงานที่ผลิตเอง): คำนวณจาก Yield - Export ซึ่งแสดงถึงสัดส่วนของพลังงานแสงอาทิตย์ที่ถูกใช้งานภายในอาคารโดยตรง
6.3. การเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงาน (ESS)
ข้อมูลรูปแบบการใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนที่ได้จากเซ็นเซอร์ ช่วยให้ระบบสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการทำงานของแบตเตอรี่ LUNA2000 ได้อย่างชาญฉลาด ตัวอย่างเช่น หากเซ็นเซอร์ตรวจพบว่ามีการใช้ไฟฟ้าน้อยแต่มีการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์สูง ระบบจะนำพลังงานส่วนเกินนั้นไปชาร์จแบตเตอรี่ก่อน ในทางกลับกัน หากเซ็นเซอร์ตรวจพบว่ามีการใช้ไฟฟ้าสูงในขณะที่การผลิตจากโซลาร์เซลล์ต่ำ (เช่น ในช่วงเย็น) ระบบจะสั่งให้แบตเตอรี่จ่ายพลังงานออกมาเพื่อรองรับโหลด ซึ่งจะช่วยลดการดึงไฟฟ้าจากกริดให้น้อยที่สุด
สรุปและข้อเสนอแนะ
การติดตั้ง Smart Power Sensor ของ Huawei อย่างถูกต้องและแม่นยำไม่ใช่แค่เรื่องทางเทคนิค แต่เป็นการวางรากฐานที่มั่นคงให้กับระบบพลังงานแสงอาทิตย์อัจฉริยะทั้งหมด ความผิดพลาดในการติดตั้งไม่เพียงนำไปสู่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง แต่ยังสามารถปิดการทำงานของฟังก์ชันหลัก เช่น การควบคุมการส่งออกไฟฟ้า ซึ่งจะลดทอนผลตอบแทนทางการเงินและบั่นทอนความพึงพอใจของลูกค้าได้
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับผู้ติดตั้ง:
เลือกรุ่นให้ถูกต้อง: ประเมินระบบไฟฟ้า (1 เฟส/3 เฟส) และพิกัดกระแสสูงสุดของหน้างานเพื่อเลือกรุ่นที่เหมาะสมที่สุด
ติดตั้งให้ถูกตำแหน่ง: ติดตั้งเซ็นเซอร์และ CT ณ จุดเชื่อมต่อร่วมเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถวัดการไหลของพลังงานทั้งหมดได้
ใส่ใจในรายละเอียด: ให้ความสำคัญสูงสุดกับทิศทางของลูกศรบน CT, การจับคู่เฟสระหว่างแรงดันและกระแส และการต่อสายสัญญาณให้ถูกขั้ว
ตรวจสอบและยืนยัน: ใช้กระบวนการ Commissioning ผ่านแอปพลิเคชัน FusionSolar เพื่อตรวจสอบการสื่อสารและความถูกต้องของข้อมูลก่อนส่งมอบงานเสมอ
ท้ายที่สุดแล้ว Smart Power Sensor ที่ได้รับการติดตั้งและตั้งค่าอย่างสมบูรณ์ คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ระบบสามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ และส่งมอบประโยชน์สูงสุดตามที่แพลตฟอร์ม FusionSolar ได้ออกแบบไว้ ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และความอัจฉริยะในการบริหารจัดการพลังงาน
ติดต่อสอบถามและประเมินหน้างานฟรี:
บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (SKE Solar)
โทร: 045-905-215
เว็บไซต์: www.supsaringkan.co.th
Facebook: facebook.com/SKESolarEnergyUbon
LINE: @supsaringkan97
#โซลาร์เซลล์ #ติดตั้งโซลาร์เซลล์ #ลดค่าไฟ #SKESolar #พลังงานแสงอาทิตย์ #การลงทุน
Miss Kaewthip



