"ตราบาป" เหยื่อ Scammer: ต่อสู้กับความอับอายและสุขภาพจิต | SKE

"ตราบาป" ของเหยื่อ: การต่อสู้กับ "ความอับอาย" และ "สุขภาพจิต" หลังถูกหลอก (The Psychological Trauma)
เงินที่เสียไปอาจหาใหม่ได้ แต่ "บาดแผลทางใจ" ที่เกิดจากการถูกหลอกลวงนั้นยากจะลบเลือน เหยื่อ Scammer จำนวนมากต้องเผชิญกับความรู้สึก "อับอาย" อย่างรุนแรง, "โทษตัวเอง" ซ้ำๆ, และสูญเสียความเชื่อมั่นในผู้อื่น ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตอย่างหนักหนาสาหัส บทความนี้ SKE จะพาไปทำความเข้าใจถึง "ตราบาป" ที่มองไม่เห็นนี้ และหนทางสู่การเยียวยา
ทำไมเหยื่อถึงรู้สึก "อับอาย" และ "โทษตัวเอง"?
แม้ว่าความผิดทั้งหมดจะอยู่ที่ Scammer แต่เหยื่อกลับมักจะแบกรับความรู้สึกผิดและความอับอายไว้กับตัวเอง ด้วยเหตุผลทางจิตวิทยาหลายประการ:
- การถูกละเมิดความไว้วางใจ (Violation of Trust): การถูกคนที่ (คิดว่า) รัก หรือคนที่ดูน่าเชื่อถือ หักหลังอย่างรุนแรง ทำให้รู้สึกเหมือนถูก "ทรยศ" และ "โง่เขลา" ที่ไปเชื่อใจ
- ความรู้สึกว่า "น่าจะรู้ทัน" (Hindsight Bias): หลังจากเรื่องเกิดขึ้น เหยื่อมักจะมองย้อนกลับไปเห็น "สัญญาณอันตราย" ที่เคยมองข้ามไป ทำให้เกิดความคิดว่า "ทำไมตอนนั้นเราไม่เอะใจเลยนะ?", "เราน่าจะฉลาดกว่านี้"
- การโทษตัวเอง (Self-Blame): แทนที่จะโทษ Scammer เหยื่อกลับหันมาโทษความ "โลภ", ความ "กลัว", หรือความ "อ่อนแอ" ของตัวเองที่เป็นเหตุให้ตกหลุมพราง
- ความกลัวสายตาจากสังคม (Fear of Judgment): กลัวว่าคนรอบข้าง (ครอบครัว, เพื่อน, สังคม) จะมองว่าตนเอง "โง่", "ไม่รอบคอบ", หรือ "สมควรแล้ว" ทำให้ไม่กล้าเปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้น
- ความรู้สึกสูญเสียการควบคุม (Loss of Control): การถูกหลอกลวงทำให้รู้สึกว่าตนเองสูญเสียความสามารถในการควบคุมชีวิตและการตัดสินใจ
ความรู้สึกเหล่านี้รุนแรงมากจนทำให้เหยื่อจำนวนมากเลือกที่จะ "เก็บเรื่องไว้คนเดียว" ซึ่งยิ่งทำให้การเยียวยาเป็นไปได้ยากขึ้น
ผลกระทบต่อ "สุขภาพจิต" ที่รุนแรงกว่าที่คิด
ความอับอายและการโทษตัวเองที่สะสม สามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตที่ร้ายแรงตามมาได้:
- ภาวะวิตกกังวล (Anxiety): รู้สึกไม่ปลอดภัย, หวาดระแวง, กังวลว่าจะถูกหลอกซ้ำ
- ภาวะซึมเศร้า (Depression): รู้สึกสิ้นหวัง, ไร้ค่า, หมดหนทาง, ไม่อยากมีชีวิตอยู่ (โดยเฉพาะเมื่อสูญเสียเงินเก็บทั้งชีวิตหรือเป็นหนี้สินจำนวนมาก)
- ภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง (PTSD - Post-Traumatic Stress Disorder): อาจมีอาการ Flashback, ฝันร้าย, หรือหวาดผวาเมื่อเจอสถานการณ์ที่คล้ายคลึง
- ปัญหาด้านความสัมพันธ์และความไว้วางใจ (Trust Issues): ไม่กล้าเชื่อใจใครอีก, มองคนอื่นในแง่ร้าย, หรืออาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิด
- การแยกตัวออกจากสังคม (Social Isolation): ความอับอายทำให้ไม่กล้าพบปะผู้คน หรือรู้สึกแปลกแยก
- ปัญหาสุขภาพกาย: ความเครียดเรื้อรังอาจส่งผลต่อร่างกาย เช่น นอนไม่หลับ, ปวดหัว, โรคกระเพาะ
ความเสียหายทางจิตใจนี้ อาจส่งผลกระทบยาวนานกว่าความเสียหายทางการเงิน และต้องการการดูแลเยียวยาอย่างจริงจัง
หนทางสู่การ "เยียวยา": ก้าวข้ามตราบาป
การฟื้นฟูจิตใจหลังถูกหลอกลวงเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความเข้าใจ แต่ก็สามารถทำได้:
- ยอมรับความรู้สึก (Acknowledge Your Feelings): อนุญาตให้ตัวเองรู้สึกเสียใจ, โกรธ, หรืออับอายได้ แต่อย่าจมอยู่กับมันนานเกินไป เข้าใจว่านี่คือปฏิกิริยาปกติ
- "ไม่ใช่ความผิดของคุณ!" (It's Not Your Fault!): ตอกย้ำกับตัวเองเสมอว่า "คุณคือเหยื่อ" ความผิดทั้งหมดอยู่ที่ "อาชญากร" ที่ใช้กลอุบายทางจิตวิทยาหลอกลวงคุณ
- พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ (Seek Social Support): การเก็บเรื่องไว้คนเดียวจะยิ่งทำร้ายตัวเอง ลองเปิดใจพูดคุยกับคนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทที่คุณไว้ใจ การมีคนรับฟังและเข้าใจสามารถช่วยบรรเทาความรู้สึกผิดและโดดเดี่ยวได้มาก
- ดำเนินการทางกฎหมาย (Take Action): การแจ้งความและให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ไม่เพียงแต่จะเพิ่มโอกาส (แม้จะน้อย) ในการได้เงินคืน แต่ยังเป็นการ "เอาคืน" และ "ทวงคืนความยุติธรรม" ให้กับตัวเอง ซึ่งช่วยเยียวยาจิตใจได้ส่วนหนึ่ง
- ดูแลตัวเอง (Self-Care): กลับมาใส่ใจสุขภาพกายและใจพื้นฐาน กินอาหารที่มีประโยชน์, นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ, ออกกำลังกาย, หากิจกรรมที่ชอบทำเพื่อผ่อนคลาย
- ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ (Seek Professional Help): หากความรู้สึกแย่ๆ ยังคงอยู่ หรือส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาคือทางออกที่ดีที่สุด พวกเขามีเครื่องมือและกระบวนการที่จะช่วยให้คุณก้าวข้าม Trauma นี้ไปได้
- เรียนรู้และป้องกัน (Learn & Prevent): เปลี่ยนประสบการณ์เลวร้ายให้เป็นบทเรียน ศึกษาข้อมูลกลโกงรูปแบบต่างๆ และนำหลักการป้องกัน (เช่น Zero Trust) มาปรับใช้ เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตดิจิทัลต่อไป
ถึงสังคม: หยุด "ซ้ำเติม" เหยื่อ (Stop Victim-Blaming)
สิ่งสำคัญที่สุดที่สังคมสามารถช่วยได้คือการ "หยุด" วัฒนธรรมการ "โทษเหยื่อ" (Victim-Blaming)
- เปลี่ยนมุมมอง: เข้าใจว่าใครๆ ก็ตกเป็นเหยื่อได้ ไม่เกี่ยวกับความโง่หรือความฉลาด
- แสดงความเห็นอกเห็นใจ (Empathy): รับฟังเรื่องราวของเหยื่อด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่การตัดสิน
- ส่งต่อกำลังใจ: ให้การสนับสนุนทางสังคมเพื่อให้เหยื่อรู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียว
การสร้างสังคมที่ "เข้าใจ" และ "ไม่ซ้ำเติม" คือส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เหยื่อก้าวข้าม "ตราบาป" นี้ไปได้เร็วขึ้น
---
ติดต่อสอบถามและประเมินหน้างานฟรี:** (สำหรับโซล่าเซลล์เท่านั้นนะครับ! )
บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (SKE Solar)
โทร: 045-905-215
เว็บไซต์: www.supsaringkan.co.th
Facebook: facebook.com/SKESolarEnergyUbon
LINE: @supsaringkan97
#โซลาร์เซลล์ #ติดตั้งโซลาร์เซลล์ #ลดค่าไฟ #SKESolar #พลังงานแสงอาทิตย์ #การลงทุน
Miss Kaewthip



