"Whack-a-Mole": ทำไมยิ่งจับ Scammer ยิ่งผุดใหม่ไม่รู้จบ? | SKE

"Whack-a-Mole" (เกมตีตัวตุ่น): ทำไมยิ่งจับ สแกมเมอร์ยิ่งผุดใหม่ไม่รู้จบ
การต่อสู้กับ Scammer และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในปัจจุบัน ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเล่นเกม "Whack-a-Mole" หรือเกมตีตัวตุ่นในงานวัด พอเราทุบตัวหนึ่งลงไป อีกตัว (หรือหลายตัว) ก็โผล่ขึ้นมาใหม่ทันที ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? ทำไมยิ่งตำรวจจับกุมทลายแก๊งได้มากเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าจำนวน Scammer กลับไม่ลดลงเลย? บทความนี้ SKE จะมาวิเคราะห์ถึง "ราก" ของปัญหาที่ทำให้การปราบปรามเป็นไปอย่างยากลำบาก
ปรากฏการณ์ "ตีตุ่น" นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความไร้ประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่เพียงอย่างเดียว แต่เกิดจาก "ธรรมชาติ" ของอาชญากรรมไซเบอร์ยุคใหม่ ที่เอื้อให้ Scammer สามารถ "เกิดใหม่" ได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยสำคัญ 6 ประการ:
1. ต้นทุนในการ "เริ่มกิจการ" ต่ำอย่างน่าเหลือเชื่อ (Low Barrier to Entry)
การเป็น Scammer ในยุคดิจิทัล ไม่ต้องใช้เงินลงทุนสูงเหมือนการตั้งแก๊งค้ายาหรือปล้นธนาคาร:
- เครื่องมือหาง่าย ราคาถูก: ซอฟต์แวร์ปลอมเบอร์โทร (Spoofing), โปรแกรมส่ง SMS/Email จำนวนมาก, สคริปต์หลอกลวงสำเร็จรูป, หรือแม้กระทั่งชุด Kit สำหรับสร้างเว็บ Phishing สามารถหาซื้อได้ใน Dark Web หรือบางครั้งก็หาได้ฟรี
- ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เทคนิคสูง: Scammer จำนวนมากเป็นเพียง "ผู้ใช้งาน" เครื่องมือที่คนอื่นสร้างขึ้น ไม่จำเป็นต้องเป็นแฮกเกอร์ขั้นเทพ
- แรงงานหาง่าย (น่าเศร้า): ดังที่กล่าวในเรื่อง "โรงงานนรก" เครือข่ายอาชญากรรมสามารถ "หลอก" หรือ "บังคับ" คนมาทำงานได้ โดยแทบไม่ต้องลงทุนค่าจ้างแพงๆ
ผลลัพธ์: ใครๆ ก็สามารถ "ตั้งแก๊ง" หรือ "เข้าร่วม" วงจรนี้ได้ง่าย ทำให้มี "ผู้เล่นหน้าใหม่" เกิดขึ้นตลอดเวลา
2. เทคโนโลยีคือ "ดาบสองคม" ที่เอื้อต่ออาชญากร (Technology as an Enabler)
เทคโนโลยีที่ทำให้ชีวิตเราสะดวกสบายขึ้น ก็เป็น "เครื่องมือชั้นดี" ให้ Scammer เช่นกัน:
- VoIP & Spoofing: โทรจากที่ไหนก็ได้ในโลก และปลอมเบอร์ให้ดูน่าเชื่อถือ
- AI (Deepfake Voice/Text): สร้างเสียงปลอม, เขียนข้อความหลอกลวงที่แนบเนียน
- โซเชียลมีเดีย: เครื่องมือหาข้อมูลเหยื่อ, สร้างโปรไฟล์ปลอม, และกระจายกลโกงได้อย่างรวดเร็ว
- Cryptocurrency & Digital Wallets: ช่องทางฟอกเงินที่ซับซ้อนและตามรอยยาก
ผลลัพธ์: เทคโนโลยีช่วยให้ Scammer ทำงานได้ "ง่ายขึ้น", "แนบเนียนขึ้น", และ "ขยายสเกล" การโจมตีได้กว้างขวางขึ้น
3. สนามรบที่ "ไร้พรมแดน" (Borderless Battlefield)
Scammer ไม่จำเป็นต้องอยู่ในประเทศเดียวกับเหยื่อ:
- ฐานปฏิบัติการข้ามแดน: ตั้งอยู่ในประเทศที่กฎหมายเอื้อมไปไม่ถึง หรือการประสานงานทำได้ยาก
- โจมตีระยะไกล: นั่งอยู่ในประเทศ A แต่โทรหลอกคนในประเทศ B, C, D ได้พร้อมกัน
ผลลัพธ์: การสืบสวนและจับกุมกลายเป็นเรื่อง "ระหว่างประเทศ" ที่ซับซ้อนและล่าช้าอย่างมาก ทำให้ Scammer มีเวลา "ย้ายฐาน" หรือ "เปลี่ยนรูปแบบ" หนีไปได้เรื่อยๆ
4. ผลตอบแทนสูง ความเสี่ยง (เมื่อเทียบกัน) ต่ำ (High Reward, Lower Relative Risk)
- ผลตอบแทนมหาศาล: การหลอกลวงสำเร็จเพียงไม่กี่ครั้ง อาจได้เงินเท่ากับการทำงานสุจริตทั้งปี
- ความเสี่ยงในการถูกจับกุมต่ำ: ด้วยการปกปิดตัวตนและการทำงานข้ามแดน โอกาสที่ "ตัวการใหญ่" จะถูกจับนั้นน้อยมาก (คนที่ถูกจับส่วนใหญ่มักเป็นแค่ "บัญชีม้า" หรือ "พนักงานระดับล่าง")
- บทลงโทษอาจไม่รุนแรงเท่า: เมื่อเทียบกับอาชญากรรมร้ายแรงอื่นๆ เช่น ยาเสพติดหรือฆาตกรรม โทษของการฉ้อโกงอาจดู "เบากว่า" (แม้จะมีกฎหมายใหม่ๆ ออกมาแล้วก็ตาม)
ผลลัพธ์: เป็น "ธุรกิจ" ที่ดึงดูดอาชญากรจำนวนมากเข้ามา เพราะ "คุ้มค่า" ที่จะเสี่ยง
5. ความสามารถในการ "ปรับตัว" ที่รวดเร็วปานกิ้งก่า (Rapid Adaptation)
Scammer ไม่เคยหยุดนิ่ง พวกเขาเรียนรู้และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตลอดเวลา:
- ตามทันเทรนด์: เมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ (เช่น AI) หรือแพลตฟอร์มใหม่ (เช่น TikTok) เกิดขึ้น พวกเขาก็หาวิธีใช้มันในการหลอกลวงทันที
- เปลี่ยนเรื่องราว: หากกลโกงแบบหนึ่งเริ่มใช้ไม่ได้ผล (คนรู้ทันเยอะ) พวกเขาก็จะเปลี่ยนไปใช้เรื่องราวใหม่ๆ (เช่น เปลี่ยนจากหลอกเป็น DSI มาเป็นหลอกเรื่องคืนค่าไฟ)
- เรียนรู้จากความผิดพลาด: วิเคราะห์ว่าทำไมเหยื่อบางคนถึงไม่หลงเชื่อ แล้วนำไปปรับปรุงสคริปต์ให้แนบเนียนขึ้น
ผลลัพธ์: เหมือนเชื้อโรคที่ดื้อยา กลโกงจะวิวัฒนาการอยู่เสมอ ทำให้การป้องกันต้อง "อัปเดต" ตามตลอดเวลา
6. "บ่อน้ำ" ที่ไม่มีวันหมด: จุดอ่อนทางจิตวิทยาของมนุษย์ (Constant Human Vulnerability)
ตราบใดที่มนุษย์ยังคงมี:
- ความโลภ
- ความกลัว
- ความเหงา/ความรัก
- ความไว้วางใจ
- ความไม่รู้/ความสับสน
...Scammer ก็จะมี "ช่องทาง" ในการโจมตีอยู่เสมอ พวกเขาไม่ต้องคิดค้นอาวุธใหม่ตลอดเวลา แค่เปลี่ยน "วิธีการยิง" อาวุธเดิมๆ เท่านั้น
ผลลัพธ์: มี "เหยื่อ" รายใหม่ๆ เกิดขึ้นเสมอ ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปแค่ไหนก็ตาม
สรุป: สงครามที่ต้องสู้ด้วย "ภูมิคุ้มกัน"
การตามจับ Scammer ให้หมดสิ้นไปนั้นเป็นเรื่องที่ "ยาก" อย่างยิ่งยวด เพราะมันเหมือนการพยายาม "ตักน้ำออกจากมหาสมุทร" ด้วยช้อน
ทางออกที่ยั่งยืนที่สุดจึงไม่ใช่แค่การ "ไล่จับ" แต่คือการ "สร้างภูมิคุ้มกัน" ให้กับสังคม:
- ให้ความรู้ (Education): สร้างความตระหนักรู้ถึงกลโกงรูปแบบต่างๆ และเทคนิคทางจิตวิทยา
- ส่งเสริม Digital Hygiene และ Zero Trust Mindset: สร้างเกราะป้องกันส่วนบุคคลให้แข็งแกร่ง
- พัฒนากฎหมายและความร่วมมือระหว่างประเทศ: ปิดช่องว่างและเพิ่มประสิทธิภาพในการปราบปราม
แม้เราอาจจะหยุด "ตัวตุ่น" ไม่ให้โผล่ขึ้นมาทั้งหมดไม่ได้ แต่เราสามารถเรียนรู้วิธีที่จะ "ไม่ตีพลาด" และปกป้องตัวเองจากพวกมันได้
---
ติดต่อสอบถามและประเมินหน้างานฟรี:** (สำหรับโซล่าเซลล์เท่านั้นนะครับ! )
บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (SKE Solar)
โทร: 045-905-215
เว็บไซต์: www.supsaringkan.co.th
Facebook: facebook.com/SKESolarEnergyUbon
LINE: @supsaringkan97
#โซลาร์เซลล์ #ติดตั้งโซลาร์เซลล์ #ลดค่าไฟ #SKESolar #พลังงานแสงอาทิตย์ #การลงทุน
Miss Kaewthip



