"Divergence" คืออะไร? สัญญาณกลับตัว "ขั้นเทพ" ที่ต้องรู้ | SKE

ในโลกของการวิเคราะห์ทางเทคนิค อินดิเคเตอร์ส่วนใหญ่เป็น "สัญญาณตามหลัง" (Lagging Indicators) กล่าวคือ มันจะยืนยันสัญญาณ "หลังจาก" ที่ราคาได้เคลื่อนที่ไปแล้ว แต่มีสัญญาณหนึ่งที่เทรดเดอร์มืออาชีพทั่วโลกเฝ้าจับตามอง เพราะมันคือ "สัญญาณเตือนล่วงหน้า" (Leading Indicator) ที่สามารถบอก "การกลับตัว" ของแนวโน้มได้ก่อนใคร

สัญญาณนั้นคือ "Divergence" (ไดเวอร์เจนซ์)

Divergence ไม่ใช่เครื่องมือวิเศษ แต่เป็น "ปรากฏการณ์" ทางจิตวิทยาตลาดที่ทรงพลัง มันคือสัญญาณ "ขั้นเทพ" ที่หากตีความได้ถูกต้อง จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถ "ขายได้ที่ยอดดอย" หรือ "ซื้อได้ที่ก้นเหว" (หรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียง) บทความนี้จะเจาะลึกว่า Divergence คืออะไร, เกิดขึ้นได้อย่างไร, และจะใช้งานมันให้แม่นยำได้อย่างไร

1. Divergence คืออะไร? (หัวใจของความขัดแย้ง)

Divergence คือ "ความขัดแย้ง" หรือ "การเคลื่อนที่สวนทางกัน" ระหว่าง "ราคา" (Price) บนกราฟหลัก กับ "อินดิเคเตอร์" (Indicator) ประเภท Momentum Oscillator (เช่น RSI, MACD, Stochastic) ที่อยู่ด้านล่าง

ลองนึกภาพ "รถยนต์ที่กำลังวิ่งขึ้นเขา":

อุปมาอุปมัย:

• "ราคา" คือ "ความสูง" ของรถที่กำลังไต่ขึ้นเขา (ยังทำจุดสูงสุดใหม่ได้เรื่อยๆ)
• "อินดิเคเตอร์" คือ "ความเร็ว" หรือ "รอบเครื่องยนต์" (Momentum)

Divergence เกิดขึ้นเมื่อ "รถยังคงไต่ขึ้นเขาสูงขึ้น" (ราคาทำ High ใหม่) แต่ "รอบเครื่องยนต์กลับแผ่วลง" (อินดิเคเตอร์ทำ High ต่ำลง) นี่คือสัญญาณเตือนว่า "พลัง" ของรถกำลังจะหมด และในไม่ช้า รถคันนี้อาจจะ "ไหลกลับ" ลงจากเขา

Divergence คือการวัด "สุขภาพ" หรือ "พลังภายใน" ของแนวโน้ม มันบอกเราว่าแนวโน้มปัจจุบันกำลัง "แข็งแรง" หรือ "อ่อนแรง" แม้ว่าราคาภายนอกจะยังดูดีอยู่ก็ตาม

2. สองประเภทหลักของ "Divergence กลับตัว" (Reversal Divergence)

Divergence แบบคลาสสิกที่ใช้เพื่อ "เตือนการกลับตัว" มี 2 ประเภทหลักที่ต้องจำให้ขึ้นใจ:

3. "กับดัก" ของ Divergence (ข้อผิดพลาดที่มือใหม่เจ๊ง)

นี่คือส่วนที่สำคัญที่สุดที่มือใหม่ต้องเข้าใจ: Divergence คือสัญญาณ "เตือน" ไม่ใช่สัญญาณ "ยิง" (Warning, not a Trigger)

การเห็น Divergence ไม่ได้แปลว่าราคาจะ "กลับตัวทันที" ในแท่งถัดไป นี่คือข้อผิดพลาดที่ทำให้คน "รับมีด" (ซื้อเร็วไปในขาลง) หรือ "ขายหมู" (ขายเร็วไปในขาขึ้น)

"การลากเลื้อย" (Lumbering)

ในแนวโน้มที่แข็งแกร่งมากๆ ตลาดสามารถเกิด Bearish Divergence (สัญญาณเตือนขาย) ได้... แล้วราคาก็ยังคง "ลากเลื้อย" (Lumber) ขึ้นต่อไปได้อีก 2-3 ยอด (ทำ Higher Highs ใหม่) ในขณะที่อินดิเคเตอร์ก็ทำ Lower Highs ต่อไปเรื่อยๆ

หากเทรดเดอร์ "รีบขาย" ทันทีที่เห็น Divergence ครั้งแรก พวกเขาจะ "ขายเร็วเกินไป" และขาดทุนจากการที่ราคายังคงวิ่งสวนขึ้นไปต่อ

ในทำนองเดียวกัน Bullish Divergence สามารถเกิดขึ้นได้หลายครั้งก่อนที่ราคาจะ "หยุดลง" จริงๆ การรีบซื้อคือ "การรับมีด" ที่ยังร่วงไม่เสร็จ

4. วิธีใช้ Divergence ให้ "แม่น" (กลยุทธ์แบบมือโปร)

เมื่อรู้ว่า Divergence คือ "สัญญาณเตือน" คำถามคือ แล้วเราจะ "ลงมือ" (Execute) เมื่อไหร่? คำตอบคือ: รอ "สัญญาณยืนยัน" (Confirmation) เสมอ!

นี่คือ 3 ขั้นตอนที่มืออาชีพใช้:

ขั้นตอนที่ 1: "มองหา" (Spot the Divergence)

เฝ้าติดตามกราฟราคาเทียบกับ RSI หรือ MACD มองหา "ความขัดแย้ง" ที่ปลายแนวโน้ม

• ที่ยอดดอย: มองหา Bearish Divergence (ราคา HH, Indicator LH)
• ที่ก้นเหว: มองหา Bullish Divergence (ราคา LL, Indicator HL)

ณ จุดนี้ ทำได้แค่ "เตรียมพร้อม" ห้ามลงมือ!

ขั้นตอนที่ 2: "รอ" (Wait for Confirmation)

นี่คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุด คือการรอ "หลักฐาน" ว่าแนวโน้มเดิมได้ "พัง" ลงแล้วจริงๆ สัญญาณยืนยันที่ชัดเจนที่สุดคือ:

• การทะลุเส้นแนวโน้ม (Trend Line Break): นี่คือสัญญาณยืนยันที่ดีที่สุด!
  • ใน Bearish Divergence: รอให้ราคา "ทะลุ" (Breakdown) เส้น Uptrend Line ที่ตีไว้
  • ใน Bullish Divergence: รอให้ราคา "ทะลุ" (Breakout) เส้น Downtrend Line ที่ตีไว้
• การทะลุแนวรับ/แนวต้าน (S/R Break): รอให้ราคาทะลุ "แนวรับ" (สำหรับขาขึ้น) หรือ "แนวต้าน" (สำหรับขาลง) ที่สำคัญทางจิตวิทยา
• สัญญาณแท่งเทียน (Candlestick Pattern): รอให้เกิดแท่งเทียนกลับตัวที่รุนแรง (เช่น Bearish Engulfing ที่ยอดดอย หรือ Hammer ที่ก้นเหว) เพื่อยืนยัน Divergence

ขั้นตอนที่ 3: "ลงมือ" (Execute & Manage Risk)

เมื่อเกิดทั้ง (Divergence + Confirmation) จึงค่อย "ลงมือ"

• เข้าซื้อ (Long): เมื่อเกิด Bullish Divergence + การทะลุ Downtrend Line
• เข้าขาย (Sell/Short): เมื่อเกิด Bearish Divergence + การทะลุ Uptrend Line

และที่สำคัญที่สุด: ตั้ง Stop Loss เสมอ!

• เมื่อซื้อ: ตั้ง Stop Loss ไว้ "ต่ำกว่า" จุด Low ล่าสุด (ก้นเหว)
• เมื่อขาย: ตั้ง Stop Loss ไว้ "สูงกว่า" จุด High ล่าสุด (ยอดดอย)

สรุป: ทำไม Divergence ถึงเป็น 'ขั้นเทพ'?

Divergence ทรงพลังเพราะมันไม่ใช่สัญญาณ "ตามหลัง" (Lagging) เหมือนอินดิเคเตอร์ส่วนใหญ่ แต่มันคือสัญญาณ "ชี้นำ" (Leading) ที่ช่วยให้เทรดเดอร์ "คาดการณ์" จุดกลับตัวได้ล่วงหน้า

มันคือการวัด "สุขภาพ" ที่แท้จริงของแนวโน้ม โดยการมองลึกลงไปที่ "พลัง" (Momentum) ไม่ใช่แค่ "ราคา" (Price) ที่ฉาบฉวย

การเข้าใจว่า Divergence คือ "สัญญาณเตือน" ที่ต้องรอ "การยืนยัน" (Confirmation) ก่อนลงมือ คือกุญแจสำคัญที่จะเปลี่ยนเครื่องมือ "ขั้นเทพ" ชิ้นนี้ จาก "กับดัก" ให้กลายเป็น "อาวุธ" ที่ทรงพลังที่สุดในการเทรด

แหล่งอ้างอิง (References)

1. Pring, M. J. (2014). Technical Analysis Explained. (หนังสือคลาสสิกที่อธิบายเรื่อง Divergence ไว้อย่างละเอียด)
2. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET). (2568). การวิเคราะห์ทางเทคนิค: Divergence. เข้าถึงได้จาก www.set.or.th
3. Settrade. (2568). Using Divergence with MACD and RSI. เข้าถึงได้จาก www.settrade.com

SKE Solar (ตัวแทนจำหน่าย Sungrow) พร้อมดูแลครบวงจร!
ติดต่อเราเพื่อสำรวจหน้างานและรับคำปรึกษา "ฟรี" ได้เลยวันนี้!

#โซล่าเซลล์อุบล #ภาคอีสาน #SKEolar #Sungrow #ขออนุญาตPEA #ROI #ติดตั้งทั่วไทย

© 2025 บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ | Copyright © 2025 Supsaringkan Engineering Co., Ltd. All Rights Reserved.