"Scalping" (เทรดสั้น...ถี่ๆ): เสี่ยงไปไหม หรือ "รวยเร็ว" จริง? | SKE

"Scalping" (เทรดสั้น...ถี่ๆ): เสี่ยงไปไหม หรือ "รวยเร็ว" จริง? | SKE
หาก Day Trading (เทรดจบในวัน) คือการแข่งรถ Formula 1... "Scalping" ก็คือการขับ "เครื่องบินรบไอพ่น" ที่ต่อสู้กันในเสี้ยววินาที
Scalping คือกลยุทธ์การเทรดที่ "สุดโต่ง" ที่สุดในตลาด มันคือภาพฝันของ "การรวยเร็ว" ที่มือใหม่หลายคนจินตนาการถึง: การทำกำไรเล็กๆ น้อยๆ "นับร้อยครั้ง" ต่อวัน จนพอร์ตโตแบบทวีคูณ แต่ในโลกความจริง นี่คือสมรภูมิที่อันตรายที่สุด, เครียดที่สุด, และมีอัตราการ "ล้างพอร์ต" สูงที่สุด
บทความนี้จะเจาะลึกว่า Scalping คืออะไร, มัน "รวยเร็ว" จริงตามที่ฝัน หรือ "เสี่ยงเกินไป" ตามความเป็นจริง
1. Scalping คืออะไร? (มันต่างจาก Day Trading อย่างไร?)
Scalping คือการเทรดที่ถี่และสั้นที่สุด โดยมีเป้าหมายเพื่อ "เฉือน" (Scalp) กำไรเพียง **1-2 ช่องราคา (Ticks)** เท่านั้น และถือครองสถานะเพียงไม่กี่ "วินาที" หรือ "นาที"
ในขณะที่ Day Trader อาจซื้อหุ้นตอนเช้าและขายตอนบ่าย เพื่อทำกำไร 1-2%... Scalper จะซื้อและขายหุ้นตัวเดียวกัน 50 ครั้งก่อน 10 โมงเช้า เพื่อทำกำไรครั้งละ 0.1% - 0.2%
Scalping ไม่ใช่เกมของการ "วิเคราะห์แนวโน้ม" (Trend Analysis) แต่มันคือเกมของ "การอ่านคำสั่งซื้อขาย" (Order Flow) และ "ความเร็ว" (Speed) ล้วนๆ มันคือการหากำไรจาก "แรงกระเพื่อม" (Micro-Volatility) ของราคาที่เล็กที่สุด
2. "กับดักมรณะ" ที่แท้จริง: ค่าคอมมิชชั่น (The #1 Killer)
คำถามที่ว่า "เสี่ยงไปไหม" สามารถตอบได้ทันทีด้วยคณิตศาสตร์ "เสี่ยงมาก" และไม่ใช่ความเสี่ยงจากราคา แต่คือความเสี่ยงจาก "ค่าคอมมิชชั่น"
Scalper ตั้งเป้ากำไรที่เล็กมาก (เช่น 1 ช่องราคา) ซึ่งมักจะ "น้อยกว่า" ค่าคอมมิชชั่นที่ต้องจ่ายในการซื้อ-ขาย 1 รอบเสียอีก!
ลองดูตัวอย่างการคำนวณที่น่าสะพรึงกลัวนี้:
การคำนวณ "หายนะ" ของ Scalper มือใหม่สมมติ: ซื้อหุ้น A ที่ราคา 10.00 บาท จำนวน 10,000 หุ้น (ใช้เงิน 100,000 บาท)
เป้าหมาย: Scalp 1 ช่องราคา คือขายที่ 10.05 บาท (หุ้นที่ราคานี้ 1 ช่อง = 0.05 บาท)
ค่าคอมมิชชั่น: 0.16% (รวม VAT) "ไม่มีขั้นต่ำ"
กำไร (ส่วนต่างราคา):
(10.05 - 10.00) x 10,000 หุ้น+500 บาท ต้นทุน (ค่าคอมฯ ขาซื้อ):
100,000 x 0.16%-160 บาท ต้นทุน (ค่าคอมฯ ขาขาย):
100,500 x 0.16%-160.8 บาท กำไร/ขาดทุน สุทธิ: +179.2 บาท บทสรุป: คุณต้อง "ชนะ" (กำไร 1 ช่อง) เพื่อให้ได้เงิน 179 บาท แต่ถ้าคุณ "แพ้" (ขาดทุน 1 ช่อง โดยขายที่ 9.95 บาท) คุณจะขาดทุน -500 บาท (ส่วนต่าง) - 160 บาท (คอมฯ ซื้อ) - 159.2 บาท (คอมฯ ขาย) = -819.2 บาท!
นี่คือ "อัตราต่อรอง" (Risk/Reward Ratio) ที่เลวร้ายที่สุดในการเทรด (เสี่ยง 819 บาท เพื่อเอา 179 บาท) Scalper ต้องมี "Win Rate สูงถึง 82%" เพียงเพื่อ "เท่าทุน"
นี่คือเหตุผลที่ 99% ของ Scalper รายย่อย "เจ๊ง" พวกเขาไม่ได้แพ้ตลาด แต่พวกเขา "แพ้ค่าคอมมิชชั่น"
3. "เครื่องมือ" ของ Scalper (ไม่ใช่ RSI/MACD)
เนื่องจาก Scalping เกิดขึ้นในเสี้ยววินาที อินดิเคเตอร์ยอดนิยมอย่าง RSI หรือ MACD จึง "ช้าเกินไป" (Too Lagging) และไร้ประโยชน์
Scalper มืออาชีพใช้เครื่องมือ 2 อย่างนี้เป็นหลัก:
1. "Level 2" Market Depth (การอ่าน Bid-Offer)
นี่คือ "ตา" ของ Scalper มันคือหน้าจอที่แสดง "แถว" ของคำสั่งซื้อ (Bid) และคำสั่งขาย (Offer) ที่ "รอ" อยู่ทั้งหมด Scalper จะเฝ้าดู "ความหนา" ของ Bid/Offer
- จิตวิทยา: หาก Bid (ฝั่งซื้อ) หายไปอย่างรวดเร็ว หรือ Offer (ฝั่งขาย) มี "กำแพง" (Iceberg Order) หนามากรออยู่ มันคือสัญญาณว่าราคา "กำลังจะลง" ในอีกไม่กี่วินาที
- การเทรด: พวกเขา "อ่าน" การเปลี่ยนแปลงของ Bid/Offer เหล่านี้ และชิง "ตัดหน้า" เข้าซื้อหรือขายก่อนที่คนอื่นจะไหวตัวทัน
2. "Time & Sales" (Tape Reading)
นี่คือ "หู" ของ Scalper มันคือหน้าจอที่แสดง "ทุกไม้" ที่มีการซื้อขาย "เกิดขึ้นจริง" (Matched) ใน Real-time
- จิตวิทยา: การเห็นไม้ซื้อ "ใหญ่ๆ" (Block Trade) เข้ามา "เคาะขวา" (ซื้อที่ราคา Offer) อย่างต่อเนื่อง คือสัญญาณว่า "แรงซื้อจริง" กำลังเข้ามา และราคาจะขยับขึ้น 1-2 ช่อง
- การเทรด: พวกเขาจะ "กระโดด" เกาะไม้ใหญ่ๆ นั้นไป และรีบ "ขาย" ทันทีที่แรงซื้อนั้นหยุด
4. มนุษย์ vs โรบอท (High-Frequency Trading)
ในปัจจุบัน สมรภูมิ Scalping ไม่ได้มีแต่มนุษย์อีกต่อไป "คู่แข่ง" ที่แท้จริงคือ HFT (High-Frequency Trading) หรือ "Robot Trade"
HFT คือ Algorithm ของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ ที่วาง Server ไว้ติดกับตลาดหลักทรัพย์ และสามารถส่งคำสั่งซื้อ/ขายได้ใน "ไมโครวินาที" (เร็วกว่าที่มนุษย์จะกระพริบตา)
Scalper ที่เป็นมนุษย์ กำลังแข่งขันกับ AI ที่เร็วกว่า, ไม่มีอารมณ์, และมีเงินทุนมหาศาล นี่คือเกมที่ "เสียเปรียบ" อย่างที่สุด
สรุป: "รวยเร็ว" (แบบล้างพอร์ต) หรือ "เสี่ยงไป" (แน่นอน)
Scalping "ไม่ใช่" กลยุทธ์ "รวยเร็ว" มันคือกลยุทธ์ "เครียดเร็ว" และ "เจ๊งเร็ว" ที่สุด
Scalping เหมาะกับใคร (และไม่เหมาะกับใคร)?
- ไม่เหมาะอย่างยิ่ง: สำหรับ "มือใหม่" และ "เทรดเดอร์รายย่อย" ทุกคน (99.99%) เพราะต้นทุนค่าคอมมิชชั่นและการแข่งขันกับ HFT ทำให้ "เป็นไปไม่ได้" ที่จะชนะในระยะยาว
- เหมาะ (อาจจะ): สำหรับ "สถาบัน" หรือ "Pro Traders" ที่มี "ค่าคอมฯ ถูกพิเศษ" (ใกล้ศูนย์), มี "อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง" (Direct Access), และมี "ระบบ AI" ช่วยในการเทรด
สำหรับนักลงทุนรายย่อยทั่วไป การพยายามทำ Scalping ก็เหมือนการ "พยายามเก็บเหรียญบนถนน" ที่เต็มไปด้วย "รถบรรทุก" ที่วิ่งด้วยความเร็วสูง มัน "เสี่ยง" เกินกว่าผลตอบแทนที่ได้
การมุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์ที่มี "อัตราต่อรอง" ที่ดีกว่า เช่น Swing Trading (เทรดรอบ) หรือ Investing (ลงทุนระยะยาว) ซึ่ง "ค่าคอมมิชชั่น" ไม่มีนัยสำคัญ และ "เวลา" อยู่ข้างเรา คือหนทางสู่ความสำเร็จที่ "เป็นจริงได้" และ "ยั่งยืน" กว่ามาก
แหล่งอ้างอิง (References)
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET). (2568). คำนวณค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์. เข้าถึงได้จาก www.set.or.th
- Settrade. (2568). Level 2 Market Depth. เข้าถึงได้จาก www.settrade.com
- Lewis, M. (2014). Flash Boys: A Wall Street Revolt. (หนังสือที่เจาะลึกโลกของ High-Frequency Trading)
SKE Solar (ตัวแทนจำหน่าย Sungrow) พร้อมดูแลครบวงจร!
ติดต่อเราเพื่อสำรวจหน้างานและรับคำปรึกษา "ฟรี" ได้เลยวันนี้!
บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (SKE Solar)
(ตัวแทนจำหน่ายและติดตั้ง Sungrow อย่างเป็นทางการ)
โทร: 045-905-215
เว็บไซต์: www.supsaringkan.co.th
Facebook: facebook.com/SKESolarEnergyUbon
LINE: @760fgpmx
#โซล่าเซลล์อุบล #ภาคอีสาน #SKEolar #Sungrow #ขออนุญาตPEA #ROI #ติดตั้งทั่วไทย
© 2025 บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ | Copyright © 2025 Supsaringkan Engineering Co., Ltd. All Rights Reserved.
Miss Kaewthip



