"Bid/Offer" (ช่องซื้อ/ขาย): อ่านยังไงให้รู้ "แรงซื้อ-แรงขาย"? | SKE

"Bid/Offer" (ช่องซื้อ/ขาย): อ่านยังไงให้รู้ "แรงซื้อ-แรงขาย"? | SKE
หาก "กราฟราคา" (Chart) คือ "บันทึกประวัติศาสตร์" ที่บอกว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีต... "หน้าจอ Bid/Offer" (หรือ Ticker/Level 2) ก็คือ "สมรภูมิ" ที่กำลังเกิดขึ้น "ณ วินาทีนี้" (Real-time)
นักเทรดมือใหม่ส่วนใหญ่มองข้ามหน้าจอนี้ โดยใช้มันเพียงเพื่อ "ตั้งราคา" ซื้อหรือขาย แต่สำหรับเทรดเดอร์ระยะสั้น (Scalpers และ Day Traders) นี่คือเครื่องมือที่ "สำคัญกว่า" กราฟเสียอีก เพราะมันคือ "แผนที่จิตวิทยามวลชน" ที่บอก "แรงซื้อ" (Demand) และ "แรงขาย" (Supply) ที่แท้จริง
การอ่าน Bid/Offer เป็น "ศิลปะ" ที่เรียกว่า "Tape Reading" (การอ่านแถบราคา) บทความนี้จะเจาะลึกว่ามืออาชีพ "อ่าน" สัญญาณเหล่านี้อย่างไร
1. กายวิภาคของ Bid/Offer (มันคืออะไร?)
หน้าจอ Bid/Offer คือ "แถว" ของคำสั่งที่ "รอ" การจับคู่ มันจะแสดง 5-10 ระดับราคาที่ดีที่สุดของทั้งสองฝั่ง
| ฝั่ง Bid (เสนอซื้อ) | ฝั่ง Offer (เสนอขาย) |
|---|---|
| นี่คือ "ผู้ซื้อ" (Buyers) กลุ่มคนที่ "รอ" ซื้อที่ราคา "ต่ำ" (รอของถูก) |
นี่คือ "ผู้ขาย" (Sellers) กลุ่มคนที่ "รอ" ขายที่ราคา "สูง" (รอขายแพง) |
| Bid 1 (ราคาบนสุด): คือราคา "ที่ดีที่สุด" ที่มีคนรอซื้อ (เช่น 10.00 บาท) Bid 2: ราคาที่ต่ำลงไป (เช่น 9.95 บาท) |
Offer 1 (ราคาบนสุด): คือราคา "ที่ถูกที่สุด" ที่มีคนรอขาย (เช่น 10.05 บาท) Offer 2: ราคาที่สูงขึ้นไป (เช่น 10.10 บาท) |
"The Spread" (ช่องว่างราคา)ช่องว่างระหว่าง "Bid 1" และ "Offer 1" (ในตัวอย่างคือ 10.00 vs 10.05) เรียกว่า "Spread"
- Spread แคบ (เช่น 1 ช่อง): แปลว่าหุ้นมี "สภาพคล่องสูง" (High Liquidity) ซื้อขายง่าย
- Spread กว้าง (เช่น 3-4 ช่อง): แปลว่าหุ้นมี "สภาพคล่องต่ำ" (Low Liquidity) มีความเสี่ยงสูง
2. การอ่าน "แรงซื้อ" (Buying Pressure) - สัญญาณกระทิง
แรงซื้อไม่ได้ดูที่ "Bid" เสมอไป แต่ดูที่ "ความก้าวร้าว" ของผู้ซื้อ
สัญญาณที่ 1 (สำคัญที่สุด): "เคาะขวา" (Buying the Offer / Taking the Offer)
- คืออะไร: คือการที่ผู้ซื้อ "ไม่อยากรอ" ในแถว Bid แต่ "ยอมจ่ายแพง" โดยการ "เคาะ" ซื้อหุ้นที่ราคา Offer 1 ทันที
- จิตวิทยา: นี่คือ "ความก้าวร้าว" (Aggression) และ "ความกลัวตกรถ" (FOMO) แสดงว่าผู้ซื้อ "รีบ" และ "มั่นใจ" ว่าราคาจะไปต่อ
- วิธีดู (Tape Reading): หน้าจอ "Time & Sales" (Ticker) จะแสดง "สีเขียว" รัวๆ นั่นคือสัญญาณ "แรงซื้อจริง" กำลังเข้า
สัญญาณที่ 2: "Bid หนา" (Thick Bid / Bid Wall)
- คืออะไร: การเห็น "ปริมาณ" (Volume) ที่ "ฝั่ง Bid" หนาแน่นกว่าฝั่ง Offer มาก (เช่น Bid 1 รอซื้อ 10 ล้านหุ้น แต่ Offer 1 รอขายแค่ 1 ล้านหุ้น)
- จิตวิทยา: เหมือนมี "กำแพง" หรือ "แนวรับ" ขนาดใหญ่รออยู่ ผู้ขายรู้ว่า "ขายยังไงก็ไม่หลุด" (เพราะมีคนรอกินของหมด) ทำให้ไม่กล้าขาย และผู้ซื้อก็กล้าที่จะ "เคาะขวา"
3. การอ่าน "แรงขาย" (Selling Pressure) - สัญญาณหมี
ในทางกลับกัน สัญญาณอันตรายคือความก้าวร้าวของ "ผู้ขาย"
สัญญาณที่ 1 (สำคัญที่สุด): "เคาะซ้าย" (Hitting the Bid / Taking the Bid)
- คืออะไร: คือการที่ผู้ขาย "ไม่อยากรอนาน" ที่แถว Offer แต่ "ยอมขายถูก" โดยการ "เคาะ" ขายหุ้นที่ราคา Bid 1 ทันที
- จิตวิทยา: นี่คือ "ความตื่นตระหนก" (Panic) หรือ "ความรีบร้อน" ที่จะ "หนี" แสดงว่าผู้ขาย "ไม่มั่นใจ" ว่าราคาจะยืนอยู่ได้
- วิธีดู (Tape Reading): หน้าจอ "Time & Sales" (Ticker) จะแสดง "สีแดง" รัวๆ นั่นคือสัญญาณ "แรงขายจริง" กำลังเทออกมา
สัญญาณที่ 2: "Offer หนา" (Thick Offer / Offer Wall)
- คืออะไร: การเห็น "ปริมาณ" (Volume) ที่ "ฝั่ง Offer" หนาแน่นกว่าฝั่ง Bid มาก (เช่น Offer 1 รอขาย 10 ล้านหุ้น แต่ Bid 1 รอซื้อแค่ 1 ล้านหุ้น)
- จิตวิทยา: เหมือนมี "กำแพง" หรือ "แนวต้าน" ขนาดใหญ่ขวางอยู่ ผู้ซื้อรู้ว่า "ซื้อยังไงก็ไม่ผ่าน" (เพราะมีคนรอเติมของขายตลอด) ทำให้ไม่กล้าไล่ราคา และผู้ขายที่รอคิวอยู่ข้างล่างก็อาจจะ "เคาะซ้าย" เพื่อรีบหนีก่อน
4. กับดัก "ภูเขาน้ำแข็ง" (Iceberg Order) - สัญญาณหลอก
นี่คือ "กับดัก" ที่มืออาชีพใช้หลอกรายย่อย โดยเฉพาะที่ฝั่ง Offer
"Iceberg Order" (ภูเขาน้ำแข็ง)คืออะไร: "รายใหญ่" (Smart Money) ต้องการ "ขาย" หุ้น 20 ล้านหุ้น แต่ไม่อยากให้รายย่อย "ตื่น" (เพราะถ้าเห็น 20 ล้านหุ้นที่ Offer จะไม่มีใครกล้าซื้อ)
วิธีทำ: เขาจะ "ซ่อน" คำสั่ง โดยตั้งขายที่ Offer 1 เพียง 500,000 หุ้น (นี่คือ "ยอด" ภูเขาน้ำแข็ง) แต่ตั้งค่าอัตโนมัติว่า "ถ้า 500,000 นี้ถูกซื้อหมด ให้เติม 500,000 ใหม่อัตโนมัติ"
วิธีสังเกต (Tape Reading): รายย่อยจะเห็นว่า Offer 1 (5 แสนหุ้น) ถูก "เคาะขวา" ซื้อจน "หมด" แล้ว แต่... ภายในเสี้ยววินาที มันกลับ "เติม" มาที่ 5 แสนหุ้น "เท่าเดิม" ราวกับเวทมนตร์ หากเห็นเหตุการณ์ "ซื้อไม่หมด" และ "เติมตลอด" ซ้ำๆ นี่คือสัญญาณ "อันตราย" ที่สุด แปลว่ามี "แรงขาย" มหาศาลที่ซ่อนอยู่ (Iceberg) รออยู่ และราคา "ไม่มีทาง" ผ่านไปได้ง่ายๆ
5. สรุป: ใช้ "Bid/Offer" ร่วมกับ "กราฟ" อย่างไร?
Bid/Offer ไม่ควรใช้โดดๆ แต่ใช้ "ยืนยัน" สัญญาณจากกราฟเทคนิค:
- ยืนยันการ "Breakout" (ทะลุแนวต้าน):
- กราฟ (TA): ราคาพุ่งชน "แนวต้าน" สำคัญ
- Bid/Offer (Confirmation): สังเกต "Offer" ที่แนวต้านนั้น... ถ้า Offer "ถูกเคาะขวา" (สีเขียวรัวๆ) จน "หายไป" อย่างรวดเร็ว และ "ไม่มีการเติม" (ไม่ใช่ Iceberg) -> นี่คือการ "Breakout จริง" (แรงซื้อชนะขาด)
- ยืนยันการ "รับอยู่" (Hold Support):
- กราฟ (TA): ราคาย่อตัวลงมาที่ "แนวรับ" สำคัญ
- Bid/Offer (Confirmation): สังเกต "Bid" ที่แนวรับนั้น... ถ้า "Bid หนา" มาก (Thick Bid) หรือเริ่มมี "แรงเคาะขวา" สู้กลับ แม้ว่าจะมี "แรงเคาะซ้าย" (สีแดง) กดลงมา -> นี่คือสัญญาณว่า "แนวรับนี้เอาอยู่" (แรงซื้อเริ่มกลับมา)
การอ่าน Bid/Offer คือ "ทักษะ" ที่ต้องใช้ "ประสบการณ์" ในการเฝ้าดู มันคือการ "อ่านปัจจุบัน" (Now-cast) ที่จะช่วยยืนยัน "การคาดการณ์" (Forecast) จากกราฟเทคนิค ทำให้การเทรดเฉียบคมขึ้นอย่างมหาศาล
แหล่งอ้างอิง (References)
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET). (2568). ข้อมูลหลักทรัพย์: 5 Bid/Offer. เข้าถึงได้จาก www.set.or.th
- Settrade. (2568). Level 2 Market Depth. เข้าถึงได้จาก www.settrade.com
- Aziz, A. (2018). How to Day Trade for a Living. (หนังสือที่เจาะลึกเรื่อง Tape Reading และ Order Flow)
SKE Solar (ตัวแทนจำหน่าย Sungrow) พร้อมดูแลครบวงจร!
ติดต่อเราเพื่อสำรวจหน้างานและรับคำปรึกษา "ฟรี" ได้เลยวันนี้!
บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (SKE Solar)
(ตัวแทนจำหน่ายและติดตั้ง Sungrow อย่างเป็นทางการ)
โทร: 045-905-215
เว็บไซต์: www.supsaringkan.co.th
Facebook: facebook.com/SKESolarEnergyUbon
LINE: @760fgpmx
#โซล่าเซลล์อุบล #ภาคอีสาน #SKEolar #Sungrow #ขออนุญาตPEA #ROI #ติดตั้งทั่วไทย
© 2025 บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ | Copyright © 2025 Supsaringkan Engineering Co., Ltd. All Rights Reserved.
Miss Kaewthip



