[พื้นฐานจำเป็น] P/E, P/BV, EPS คืออะไร? (3 ค่าพื้นฐานที่เทรดเดอร์ต้องรู้) | SKE

สำหรับเทรดเดอร์สายเทคนิค (TA) "กราฟ" คือพระเจ้า และ "Volume" คือเครื่องยืนยัน การ "อ่านงบการเงิน" (FA) อาจดูเหมือนเป็นเรื่องเสียเวลาและน่าเบื่อ

แต่นี่คือ "กับดัก" ที่อันตรายที่สุด การเทรดหุ้นที่มี "กราฟสวย" แต่ "พื้นฐานเน่า" ก็เหมือนการขับรถซูเปอร์คาร์ที่เครื่องยนต์กำลังจะพัง การ "ติดดอย" จากหุ้นปั่น หรือ "เงินจม" กับหุ้นที่ตายแล้ว (Value Trap) ล้วนเกิดจากการ "ละเลย" พื้นฐานทั้งสิ้น

การเข้าใจ 3 ค่าพื้นฐาน "มหาชน" อย่าง **EPS, P/E, และ P/BV** จึงไม่ใช่การเปลี่ยนตัวเองเป็นนักลงทุน VI (Value Investor) แต่คือการใช้เวลา 5 นาที เพื่อสวม "เกราะ" ป้องกันตัวเอง กรอง "หุ้นขยะ" ทิ้งไป ก่อนที่จะเริ่มวิเคราะห์กราฟด้วยซ้ำ

1. EPS (Earnings Per Share): "พลัง" ของหุ้น

มันคืออะไร?

EPS หรือ "กำไรสุทธิต่อหุ้น" คือค่าที่ "สำคัญที่สุด" ในการวัด "พลัง" ของธุรกิจ มันคือ "กำไรสุทธิ" (Net Profit) ของบริษัท หารด้วย "จำนวนหุ้นทั้งหมด"

สูตร: EPS = กำไรสุทธิ / จำนวนหุ้นสามัญ

ตีความแบบง่าย (Analogy):

ถ้าบริษัทคือ "เค้ก" หนึ่งปอนด์ และมีหุ้น 10 หุ้น (10 ชิ้น) หากปีนี้บริษัททำกำไรได้ 100 บาท... EPS = 10 บาท (แปลว่า เค้ก 1 ชิ้น สร้างกำไรได้ 10 บาท)

"สัญญาณ" ที่เทรดเดอร์ต้องดู (ไม่ใช่แค่ตัวเลข)

มือใหม่มัก "ท่องจำ" ว่า "EPS สูง = ดี" แต่มืออาชีพรู้ว่า "ตัวเลข" EPS ไม่สำคัญเท่า "การเติบโต" (EPS Growth)

• หุ้น A: ปีนี้ EPS 10 บาท (ปีก่อน EPS 9 บาท) -> โต 11% (ดูธรรมดา)
• หุ้น B: ปีนี้ EPS 1 บาท (ปีก่อน EPS 0.50 บาท) -> โต 100% (ดูน่าตื่นเต้น)

หุ้น B มี "โมเมนตัม" การเติบโตที่น่าสนใจกว่ามาก (นี่คือตัว "C" และ "A" ในกลยุทธ์ CANSLIM)

Trader's Takeaway (เกราะป้องกัน):

• EPS เป็น "บวก" (มีกำไร): คือ "เกราะ" ชั้นแรก หุ้นที่ "EPS ติดลบ" (ขาดทุน) แล้วกราฟสวย มักเป็นหุ้นปั่น ให้ระวังเป็นพิเศษ
• EPS "เติบโต" (Growing): คือ "เชื้อเพลิง" ของราคา กราฟที่ Breakout สวยงาม และ "มี" EPS Growth รองรับ คือ "ของจริง"

2. P/E (Price to Earnings Ratio): "ความคาดหวัง" (Hype Meter)

มันคืออะไร?

P/E หรือ "ราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น" คือค่าที่ "มหาชน" ที่สุด มันคือการเอา "ราคา" หุ้น ณ ปัจจุบัน (Price) มาเทียบกับ "กำไร" ที่มันทำได้ (EPS)

สูตร: P/E = ราคาหุ้น / EPS

ตีความแบบง่าย (Analogy):

มันคือ "มาตรวัดความถูก-แพง" หรือ "มิเตอร์ความคาดหวัง" (Hype Meter) ของตลาด

หากหุ้น A ราคา 100 บาท และ EPS = 10 บาท... P/E = 10 เท่า (100 / 10) แปลว่า: "ตลาดคาดหวังว่าต้องใช้เวลา 10 ปี ที่กำไรเท่านี้ เพื่อจะ 'คืนทุน' ค่าหุ้น" หรือ "ตลาด 'ยอมจ่าย' 10 บาท เพื่อให้ได้ 'กำไร' 1 บาท"

"สัญญาณ" และ "กับดัก" ที่เทรดเดอร์ต้องรู้

นี่คือจุดที่มือใหม่ "พลาด" ที่สุด โดยการท่องจำว่า "P/E ต่ำ = ถูก = ดี" นี่คือความเข้าใจที่ผิดมหันต์!

Trader's Takeaway (เกราะป้องกัน):

"P/E ต้องอ่านคู่กับ 'การเติบโต' (Growth)"

• หุ้นที่ P/E "สูง" (เช่น 50x) จะ "ไม่แพง" เลย ถ้ากำไร (EPS) โต "100%" ต่อปี
• หุ้นที่ P/E "ต่ำ" (เช่น 10x) จะ "แพงมาก" ถ้ากำไร (EPS) "ติดลบ"

ในฐานะเทรดเดอร์ ให้ใช้ P/E เพื่อ "หลีกเลี่ยง" หุ้นที่ "P/E สูงลิ่ว แต่กำไรไม่โต" (Hype เกินจริง) หรือ หุ้นที่ "P/E ต่ำ แต่ EPS กำลังดิ่ง" (Value Trap)

3. P/BV (Price to Book Value Ratio): "มาตรวัดสินทรัพย์"

มันคืออะไร?

P/BV คือการเอา "ราคา" หุ้น (Price) มาเทียบกับ "มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น" (Book Value)

"มูลค่าทางบัญชี" (Book Value) คืออะไร? มันคือ "ส่วนของผู้ถือหุ้น" (Equity) หรือพูดง่ายๆ ว่า "ถ้าบริษัท 'เจ๊ง' วันนี้ ขาย 'สินทรัพย์' ทั้งหมด ใช้ 'หนี้' ทั้งหมด จะเหลือ 'เงินคืนเจ้าของ' เท่าไหร่"

ตีความแบบง่าย (Analogy):

ถ้า P/E คือการเทียบ "ราคา" กับ "เงินเดือน" (กำไร) ... P/BV คือการเทียบ "ราคา" กับ "ทรัพย์สินสุทธิ" (Net Worth)

• P/BV = 1.0x: ราคาตลาด "เท่ากับ" มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (ราคาพอดีตัว)
• P/BV < 1.0x: (เช่น 0.8x) ราคาตลาด "ต่ำกว่า" มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (เหมือนซื้อบ้านราคา 8 แสน ทั้งที่บ้านมีมูลค่า 1 ล้าน)
• P/BV > 1.0x: (เช่น 3.0x) ราคาตลาด "สูงกว่า" สินทรัพย์ที่มีอยู่ 3 เท่า (ตลาดให้ค่า "แบรนด์", "เทคโนโลยี", หรือ "อนาคต" มากกว่าตัวตึกและที่ดิน)

"สัญญาณ" และ "บริบท" ที่เทรดเดอร์ต้องรู้

P/BV ไม่สามารถใช้กับ "ทุก" ธุรกิจได้

Context is King (บริบทสำคัญที่สุด)

• P/BV "มีประโยชน์" กับ: ธุรกิจที่มี "สินทรัพย์" จับต้องได้เยอะ เช่น ธนาคาร, ประกัน, อสังหาริมทรัพย์, โรงงาน การได้ P/BV < 1 ในกลุ่มนี้ ถือเป็น "ส่วนลด" ที่น่าสนใจ
• P/BV "ไร้ประโยชน์" กับ: ธุรกิจที่ "สินทรัพย์" คือ "คน" หรือ "ซอฟต์แวร์" เช่น โรงพยาบาล, ที่ปรึกษา, บริษัทเทคโนโลยี (เช่น หุ้น Microsoft หรือ Google มี P/BV สูงลิ่ว เพราะมูลค่าอยู่ที่ "แบรนด์" และ "สมองคน" ไม่ใช่ "ตึก")

Trader's Takeaway (เกราะป้องกัน):

เทรดเดอร์สายเทคนิคสามารถใช้ P/BV < 1 เป็น "เกราะป้องกัน" (Buffer of Safety) เมื่อเข้าเทรดหุ้นใน "กลุ่มอุตสาหกรรมที่ถูกต้อง" (เช่น ธนาคาร, อสังหาฯ) มันช่วย "ยืนยัน" ว่า ณ จุดที่กราฟกำลัง "กลับตัว" (Reversal) เรากำลังได้ "ของถูก" ทางบัญชีรองรับอยู่จริงๆ

สรุป: ใช้ 3 ค่านี้เป็น "เกราะ"

เทรดเดอร์สายเทคนิคไม่จำเป็นต้องเป็น "ผู้เชี่ยวชาญ" ด้านงบการเงิน แต่การ "ละเลย" โดยสิ้นเชิง คือการเทรดโดย "ปิดตา" ข้างหนึ่ง

ก่อนจะกด "ซื้อ" หุ้นที่กราฟ Breakout สวยงาม ให้ใช้เวลา 5 นาที สวม "เกราะ" 3 ชั้นนี้ก่อน:

1. EPS (กำไร) เป็นบวก และกำลังโตใช่ไหม? (เพื่อกรอง "หุ้นเน่า")
2. P/E (ความคาดหวัง) สมเหตุสมผลกับ "การเติบโต" หรือไม่? (เพื่อกรอง "หุ้น Hype เกินจริง")
3. P/BV (สินทรัพย์) (ถ้าอุตสาหกรรมนั้นใช้ได้) ต่ำกว่า 1 หรือไม่? (เพื่อหา "ส่วนลด" ป้องกันความเสี่ยง)

ถ้าคำตอบคือ "ใช่" ทั้งหมด "เกราะ" ก็พร้อมแล้ว... ที่เหลือก็แค่รอ "จังหวะ" จาก "กราฟเทคนิค" (TA) เพื่อเข้าเทรดอย่างมั่นใจ

แหล่งอ้างอิง (References)

1. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET). (2568). อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ (Key Financial Ratios). เข้าถึงได้จาก www.set.or.th
2. Settrade. (2568). P/E, P/BV, EPS. เข้าถึงได้จาก www.settrade.com
3. Graham, B. (1949). The Intelligent Investor. (หนังสือคลาสสิกที่อธิบายแนวคิดเรื่อง "มูลค่า" และ "ราคา")

SKE Solar (ตัวแทนจำหน่าย Sungrow) พร้อมดูแลครบวงจร!
ติดต่อเราเพื่อสำรวจหน้างานและรับคำปรึกษา "ฟรี" ได้เลยวันนี้!

#โซล่าเซลล์อุบล #ภาคอีสาน #SKEolar #Sungrow #ขออนุญาตPEA #ROI #ติดตั้งทั่วไทย

© 2025 บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ | Copyright © 2025 Supsaringkan Engineering Co., Ltd. All Rights Reserved.