แชร์

"Money Management" (MM): หัวใจที่แท้จริงของการเทรด (ไม่ใช่เทคนิค) | SKE

IMG_2598.jpeg Miss Kaewthip
อัพเดทล่าสุด: 30 ต.ค. 2025
28 ผู้เข้าชม

"Money Management" (MM): หัวใจที่แท้จริงของการเทรด (ไม่ใช่เทคนิค) | SKE

นักลงทุนมือใหม่ 99% มุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ "เทคนิค": "ใช้อินดิเคเตอร์อะไรดี?", "อ่านกราฟยังไงให้แม่น?", "หาสูตรสแกนหุ้น 10 เด้งยังไง?" พวกเขากำลังตามหา "จอกศักดิ์สิทธิ์" (Holy Grail) ที่จะทำให้ชนะทุกครั้ง

แต่ในโลกความจริง เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จทุกคนรู้ดีว่า "เทคนิค" (การหาจุดเข้าซื้อ) มีความสำคัญเพียง 10% ของเกมทั้งหมด หัวใจที่แท้จริง 90% ที่แยกระหว่าง "ผู้ชนะ" (ที่อยู่รอด) ออกจาก "ผู้แพ้" (ที่ล้างพอร์ต) คือศาสตร์ที่น่าเบื่อที่สุด ที่เรียกว่า "Money Management" (MM) หรือ การบริหารหน้าตัก

"Money Management" ไม่ใช่กลยุทธ์ที่ช่วยให้ "รวยเร็ว" แต่เป็นกลยุทธ์เดียวที่ช่วย "ป้องกันไม่ให้เจ๊ง" บทความนี้จะเจาะลึกว่า MM คืออะไร และทำไมมันถึงสำคัญกว่าเทคนิคการเทรดใดๆ


1. "กับดัก" ของเทคนิค (ทำไมกลยุทธ์ 90% Win Rate ถึง "เจ๊ง" ได้)

ลองจินตนาการถึงเทรดเดอร์ 2 คน:

  • เทรดเดอร์ A (เทคนิคเทพ, MM ห่วย):
    • มีระบบเทรดที่แม่นยำมาก ชนะ 9 ครั้งติดต่อกัน ครั้งละ 10% (Win Rate 90%)
    • ในครั้งที่ 10 เขามั่นใจมาก จึง "All-in" (ทุ่มสุดตัว) และ "ถัวเฉลี่ยขาลง" (Averaging Down)
    • ปรากฏว่าครั้งที่ 10 "แพ้" ขาดทุน -50%
    • ผลลัพธ์: ชนะ 9, แพ้ 1... แต่ "เจ๊ง" (ขาดทุนหนัก)
  • เทรดเดอร์ B (เทคนิคธรรมดา, MM ยอดเยี่ยม):
    • มีระบบเทรดธรรมดา ชนะแค่ 4 ครั้ง แพ้ถึง 6 ครั้ง (Win Rate 40%)
    • แต่... ทุกครั้งที่ "แพ้" เขาจำกัดการขาดทุนไว้ที่ -1% (Cut Loss)
    • ทุกครั้งที่ "ชนะ" เขาปล่อยให้กำไรเติบโต (Let Profit Run) ได้ครั้งละ +3%
    • ผลลัพธ์: (ชนะ 4 x 3% = +12%) - (แพ้ 6 x 1% = -6%) = "กำไรสุทธิ +6%"

เทรดเดอร์ B คือ "ผู้ชนะ" ที่แท้จริง เพราะเขาเข้าใจ "คณิตศาสตร์" ของการอยู่รอด Money Management คือ "เกมรับ" มันคือ "เกราะ" ที่ทำให้พอร์ตทนทานต่อ "ความไม่แน่นอน" ของตลาด


2. 2 เสาหลักของ Money Management (ที่ต้องทำ "ทุกครั้ง")

MM ไม่ใช่เรื่องซับซ้อน มันคือ "กฎ" 2 ข้อที่ต้องทำตามอย่างเคร่งครัด "ก่อน" ที่จะกดซื้อหุ้นทุกครั้ง

เสาหลักที่ 1: "Position Sizing" (จะซื้อกี่บาท? ... ผิด! ต้องถามว่า จะเสียได้กี่บาท?)

นี่คือข้อผิดพลาดอันดับ 1 มือใหม่มักคิดว่า "จะซื้อหุ้นตัวนี้กี่บาทดี?" (เช่น 10,000 หรือ 50,000 บาท) ซึ่งเป็นการตัดสินใจด้วย "อารมณ์"

มืออาชีพจะเริ่มด้วยคำถามว่า: "ถ้าเทรดครั้งนี้แพ้ เรา 'ยอมเสีย' ได้กี่บาท?"

กฎที่นิยมที่สุดคือ "กฎ 1% (The 1% Rule)"

"กฎ 1% (The 1% Rule)"

คือการ "จำกัดความเสี่ยง" ในการเทรด 1 ครั้ง (1 Trade) ไว้ที่ "ไม่เกิน 1% ของเงินทุนในพอร์ตทั้งหมด"

ตัวอย่างการคำนวณ:

  • เงินทุนในพอร์ตทั้งหมด: 1,000,000 บาท
  • ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ 1%: 10,000 บาท (นี่คือ "จำนวนเงินสูงสุด" ที่จะเสียได้ ถ้าเทรดครั้งนี้ "แพ้")

สถานการณ์: ต้องการซื้อหุ้น A ที่ราคา 20 บาท วางแผน "ตัดขาดทุน" (Stop Loss) ที่ 18 บาท

  • ความเสี่ยงต่อ 1 หุ้น (Risk per Share) = 20 - 18 = 2 บาท

คำถาม: ควรซื้อกี่หุ้น (Position Size)?

สูตร: (ความเสี่ยงที่ยอมได้) / (ความเสี่ยงต่อหุ้น) = 10,000 บาท / 2 บาท = 5,000 หุ้น

สรุป: ต้องซื้อหุ้น A จำนวน 5,000 หุ้น (ใช้เงิน 5,000 x 20 = 100,000 บาท)
ถ้าแผนผิด และราคาลงไป 18 บาท ระบบจะ Stop Loss และจะ "ขาดทุน -10,000 บาท" (เท่ากับ 1% ของพอร์ตพอดี)

ทำไมต้อง 1%? เพราะมันหมายความว่า ต้อง "แพ้" ติดต่อกัน 100 ครั้ง พอร์ตถึงจะ "หมด" (ซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้) กฎนี้จึงช่วยขจัด "ความเสี่ยงที่จะล้างพอร์ต" (Risk of Ruin) ออกไปโดยสมบูรณ์

เสาหลักที่ 2: "Risk/Reward Ratio" (R:R) (เทรดนี้ "คุ้ม" ที่จะเสี่ยงไหม?)

หลังจากรู้แล้วว่า "จะเสียเท่าไหร่" (Risk = 1%) คำถามต่อมาคือ "จะได้เท่าไหร่?" (Reward)

Risk/Reward Ratio (R:R) คือการเปรียบเทียบ "ระยะขาดทุน" (จากจุดเข้าถึง Stop Loss) กับ "ระยะทำกำไร" (จากจุดเข้าถึง Take Profit)

R:R Ratio ความหมาย อัตราการชนะ (Win Rate) ที่ "เท่าทุน"
1 : 0.5 (เสี่ยง 1 ได้ 0.5) Scalper ที่ "ตัดกำไร" เร็ว (แต่ตัดขาดทุนลึก) 67% (ต้องชนะ 2 ใน 3 ครั้ง แค่เพื่อเท่าทุน)
1 : 1 (เสี่ยง 1 ได้ 1) เสี่ยง 100 บาท เพื่อกำไร 100 บาท 50% (ต้องชนะครึ่ง/แพ้ครึ่ง)
1 : 3 (แนะนำ) เสี่ยง 100 บาท เพื่อกำไร 300 บาท 25% (ชนะ 1 ครั้ง แพ้ 3 ครั้ง = เท่าทุน)
กฎเหล็กของมือโปร: "ห้ามเทรด หาก R:R ต่ำกว่า 1:2"

ก่อนกดซื้อ "ทุกครั้ง" ให้ "วัด" ระยะ Stop Loss (Risk) และ Take Profit (Reward) บนกราฟก่อน

ถ้าจุด Stop Loss อยู่ไกล (เช่น -10%) แต่จุดทำกำไร (แนวต้าน) อยู่ใกล้ (เช่น +5%) -> นี่คือ R:R 1:0.5 -> "จงห้ามเทรด" (Pass) และไปหาหุ้นตัวอื่น

จงเทรดเฉพาะเกมที่ "คณิตศาสตร์" อยู่ข้างเราเท่านั้น


สรุป: MM คือ "ธุรกิจ" ไม่ใช่ "การพนัน"

การเทรดที่ไม่มี Money Management คือ "การพนัน" (Gambling) เพราะไม่สามารถควบคุมความเสี่ยงได้

การเทรดที่มี Money Management คือ "การทำธุรกิจ" (Business) เพราะ:

  • เรารู้ "ต้นทุน" ที่แน่นอน (Risk 1%)
  • เรารู้ "เป้าหมาย" ที่คุ้มค่า (Reward > 2%)
  • เรายอมรับ "การขาดทุน" (Small Losses) ว่าเป็น "ค่าใช้จ่าย" ในการดำเนินธุรกิจ
  • เรารอ "กำไร" (Big Wins) ที่จะมา "ชดเชย" ค่าใช้จ่ายทั้งหมด

เทคนิค (TA/FA) บอกเราว่า "ควรซื้อหุ้นตัวไหน" แต่ Money Management (MM) บอกเราว่า "จะทำอย่างไรให้รอด" และ "จะทำอย่างไรให้กำไร" ในระยะยาว

หน้าที่แรกของเทรดเดอร์ ไม่ใช่ "การหาหุ้น" แต่คือ "การบริหารความเสี่ยง"


แหล่งอ้างอิง (References)

  1. Tharp, V. K. (2007). Trade Your Way to Financial Freedom. (หนังสือคลาสสิกด้าน Position Sizing และ MM)
  2. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET). (2568). การบริหารความเสี่ยง (Risk Management). เข้าถึงได้จาก www.set.or.th
  3. Settrade. (2568). Position Sizing. เข้าถึงได้จาก www.settrade.com

SKE Solar (ตัวแทนจำหน่าย Sungrow) พร้อมดูแลครบวงจร!
ติดต่อเราเพื่อสำรวจหน้างานและรับคำปรึกษา "ฟรี" ได้เลยวันนี้!

บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (SKE Solar)

(ตัวแทนจำหน่ายและติดตั้ง Sungrow อย่างเป็นทางการ)

โทร: 045-905-215

เว็บไซต์: www.supsaringkan.co.th

Facebook: facebook.com/SKESolarEnergyUbon

LINE: @760fgpmx

#โซล่าเซลล์อุบล #ภาคอีสาน #SKEolar #Sungrow #ขออนุญาตPEA #ROI #ติดตั้งทั่วไทย

© 2025 บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ | Copyright © 2025 Supsaringkan Engineering Co., Ltd. All Rights Reserved.


IMG_2598.jpeg
Miss Kaewthip
Sharing management perspectives and strategies from direct experience as a Managing Director, with drive and determination inspired by Confucian philosophy.
บทความที่เกี่ยวข้อง
"ตั๋งโต๊ะ" ในที่ทำงาน: เผด็จการ 101 (และจุดจบของเขา) | SKE
เจาะลึก "ตั๋งโต๊ะ" (Dong Zhuo) ในที่ทำงาน "ผู้นำเผด็จการ" (Dictator Boss) ที่ใช้ "ความกลัว" (Hard Power) ปกครอง วิเคราะห์บทเรียนจิตวิทยา และ "จุดจบ" ที่ล่มสลาย
"เตียวเสี้ยน" และการอ่านใจ: การใช้ "จุดอ่อน" (ความใคร่) ของเป้าหมาย | SKE
เจาะลึก "เตียวเสี้ยน" (Diaochan) และ "กลสาวงาม" (Beauty Trap) วิเคราะห์จิตวิทยาการ "อ่านใจ" (Mind Reading) และการใช้ "จุดอ่อน" (ความใคร่, อัตตา) ของ ตั๋งโต๊ะ และ ลิโป้ เพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมือง
"ตั๋งโต๊ะ" ในที่ทำงาน: เผด็จการ 101 (และจุดจบของเขา) | SKE
เจาะลึก "ตั๋งโต๊ะ" (Dong Zhuo) ในที่ทำงาน "ผู้นำเผด็จการ" (Dictator Boss) ที่ใช้ "ความกลัว" (Hard Power) ปกครอง วิเคราะห์บทเรียนจิตวิทยา และ "จุดจบ" ที่ล่มสลาย
icon-whatsapp
บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
โดยปกติจะตอบกลับภายในไม่กี่ชั่วโมง
มีอะไรให้ฉันช่วยไหม?
เริ่มแชท
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ