เจาะลึก "วัดเรืองแสง" วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว: ศรัทธา ศิลปะ และความมหัศจรรย์ยามค่ำคืน
อัพเดทล่าสุด: 22 ก.ย. 2025
19 ผู้เข้าชม
เจาะลึก "วัดเรืองแสง" วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว: ศรัทธา ศิลปะ และความมหัศจรรย์ยามค่ำคืน
บทนำ:
ท่ามกลางเนินเขาสูงในอำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี มีวัดแห่งหนึ่งที่ไม่ได้เป็นเพียงศูนย์รวมแห่งศรัทธา แต่ยังเป็นที่ประจักษ์ในความงามทางศิลปะอันน่าทึ่ง นั่นคือ วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว หรือที่นักท่องเที่ยวขนานนามว่า "วัดเรืองแสง" สถานที่แห่งนี้มอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยภาพของต้นกัลปพฤกษ์สีเขียวที่เรืองรองสว่างไสวขึ้นมาในความมืดมิดของยามราตรี บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับประวัติความเป็นมา แรงบันดาลใจ และทุกข้อมูลที่ต้องรู้ก่อนไปเยือน
ประวัติความเป็นมา: จากวัดป่าสู่พุทธสถานอันวิจิตร
วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว เดิมเป็นสำนักสงฆ์ที่เงียบสงบ ก่อตั้งโดย พระครูกมลวิสุทธิ์ (หลวงปู่กมล กมโล) ซึ่งเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบและเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านในพื้นที่ ท่านได้เลือก "เนินเขาภูพร้าว" แห่งนี้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม เนื่องจากมีความเงียบสงบและสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของอ่างเก็บน้ำสิรินธรและฝั่งประเทศลาวได้อย่างสวยงาม
ต่อมาในปี พ.ศ. 2547 วัดแห่งนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานวิสุงคามสีมา และที่สำคัญคือ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานนามวัดแห่งนี้ว่า "วัดสิรินธรวราราม" ซึ่งหมายถึงวัดของสมเด็จพระเทพฯ ที่มีความดีงามและตั้งอยู่บนภูพร้าว นับเป็นเกียรติประวัติอันสูงสุดของวัด
แรงบันดาลใจเบื้องหลังสถาปัตยกรรมและศิลปะเรืองแสง
ความงดงามที่เป็นเอกลักษณ์ของวัดแห่งนี้ เกิดจากแรงบันดาลใจและความเคารพของพระครูกมลวิสุทธิ์
พระอุโบสถ: ตัวอาคารพระอุโบสถได้รับแรงบันดาลใจมาจาก วัดเชียงทอง เมืองหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมล้านช้างที่งดงาม เพื่อเป็นการรำลึกถึง วัดป่าโพนเพา ซึ่งเป็นวัดเดิมของท่านก่อนที่จะย้ายมาจำพรรษาที่ภูพร้าวแห่งนี้
ศิลปะเรืองแสง "ต้นกัลปพฤกษ์": นี่คือหัวใจสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ ภาพต้นกัลปพฤกษ์ที่ด้านหลังพระอุโบสถ ออกแบบและสร้างสรรค์โดย ช่างคุณากร ปริญญาปุณโณ ผู้เป็นทั้งช่างและศิษย์ของหลวงปู่กมล
เทคนิค: ช่างได้ใช้ สารเรืองแสงฟอสเฟอร์ (Phosphor) มาเป็นส่วนผสมในสีที่ใช้วาด ทำให้ต้นกัลปพฤกษ์และดวงดาวโดยรอบสามารถ "เก็บพลังงานแสง" ในช่วงกลางวัน และ "คายพลังงาน" ออกมาเป็นแสงสีเขียวเรืองรองในยามค่ำคืน
ความหมาย: ต้นกัลปพฤกษ์คือต้นไม้ในป่าหิมพานต์ตามความเชื่อโบราณ เป็นต้นไม้แห่งความปรารถนา การเรืองแสงขึ้นมาในความมืดเปรียบเสมือนธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ยังคงส่องสว่างนำทางให้แก่สรรพสัตว์แม้ในยามที่มืดมิด
ไฮไลท์อื่นๆ ที่ไม่ควรพลาด
จุดชมวิวพระอาทิตย์ตก: บริเวณลานหน้าวัดเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของอ่างเก็บน้ำสิรินธรได้อย่างกว้างไกล เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง
ประติมากรรมพญานาค: บริเวณทางเข้าและรอบพระอุโบสถมีประติมากรรมพญานาคที่อ่อนช้อยและงดงาม
ความสงบภายในพระอุโบสถ: ภายในประดิษฐานพระประธานให้ได้สักการะบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล
คู่มือสำหรับผู้มาเยือนวัดสิรินธรวรารามภูพร้าว
เวลาเปิด-ปิด:
เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06:00 - 21:00 น.
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมแสง:
ควรเดินทางไปถึงวัดก่อนพระอาทิตย์ตกดิน (ประมาณ 17:00 - 18:00 น.) เพื่อจะได้ชมความงามของวัดและทิวทัศน์โดยรอบในแสงธรรมชาติ และชมพระอาทิตย์ตก
การเรืองแสงจะเริ่มเห็นชัดเจนเมื่อท้องฟ้ามืดสนิท ตั้งแต่เวลาประมาณ 18:30 น. เป็นต้นไป ยิ่งมืด ยิ่งสวย
เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ:
094-519-6999 (สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม)
ที่ตั้งและโลเคชั่น (Location):
ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงในเขตพื้นที่อ่างเก็บน้ำสิรินธร ตำบลช่องเม็ก อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี
Google Maps: https://maps.app.goo.gl/3q2oN1v5hLdY3B5G8
ข้อแนะนำเพิ่มเติม:
การแต่งกาย: กรุณาแต่งกายสุภาพเพื่อเป็นการให้เกียรติสถานที่
การถ่ายภาพ: สามารถใช้แฟลชช่วย "ชาร์จแสง" ที่ต้นไม้ได้ โดยการฉายไฟไปที่ภาพวาดสักครู่ แล้วปิดไฟ จะทำให้ภาพเรืองแสงสว่างขึ้นชั่วขณะ
สิ่งอำนวยความสะดวก: บริเวณวัดมีลานจอดรถ ห้องน้ำ และร้านค้าสวัสดิการบริการ
บทนำ:
ท่ามกลางเนินเขาสูงในอำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี มีวัดแห่งหนึ่งที่ไม่ได้เป็นเพียงศูนย์รวมแห่งศรัทธา แต่ยังเป็นที่ประจักษ์ในความงามทางศิลปะอันน่าทึ่ง นั่นคือ วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว หรือที่นักท่องเที่ยวขนานนามว่า "วัดเรืองแสง" สถานที่แห่งนี้มอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยภาพของต้นกัลปพฤกษ์สีเขียวที่เรืองรองสว่างไสวขึ้นมาในความมืดมิดของยามราตรี บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับประวัติความเป็นมา แรงบันดาลใจ และทุกข้อมูลที่ต้องรู้ก่อนไปเยือน
ประวัติความเป็นมา: จากวัดป่าสู่พุทธสถานอันวิจิตร
วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว เดิมเป็นสำนักสงฆ์ที่เงียบสงบ ก่อตั้งโดย พระครูกมลวิสุทธิ์ (หลวงปู่กมล กมโล) ซึ่งเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบและเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านในพื้นที่ ท่านได้เลือก "เนินเขาภูพร้าว" แห่งนี้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม เนื่องจากมีความเงียบสงบและสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของอ่างเก็บน้ำสิรินธรและฝั่งประเทศลาวได้อย่างสวยงาม
ต่อมาในปี พ.ศ. 2547 วัดแห่งนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานวิสุงคามสีมา และที่สำคัญคือ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานนามวัดแห่งนี้ว่า "วัดสิรินธรวราราม" ซึ่งหมายถึงวัดของสมเด็จพระเทพฯ ที่มีความดีงามและตั้งอยู่บนภูพร้าว นับเป็นเกียรติประวัติอันสูงสุดของวัด
แรงบันดาลใจเบื้องหลังสถาปัตยกรรมและศิลปะเรืองแสง
ความงดงามที่เป็นเอกลักษณ์ของวัดแห่งนี้ เกิดจากแรงบันดาลใจและความเคารพของพระครูกมลวิสุทธิ์
พระอุโบสถ: ตัวอาคารพระอุโบสถได้รับแรงบันดาลใจมาจาก วัดเชียงทอง เมืองหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมล้านช้างที่งดงาม เพื่อเป็นการรำลึกถึง วัดป่าโพนเพา ซึ่งเป็นวัดเดิมของท่านก่อนที่จะย้ายมาจำพรรษาที่ภูพร้าวแห่งนี้
ศิลปะเรืองแสง "ต้นกัลปพฤกษ์": นี่คือหัวใจสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ ภาพต้นกัลปพฤกษ์ที่ด้านหลังพระอุโบสถ ออกแบบและสร้างสรรค์โดย ช่างคุณากร ปริญญาปุณโณ ผู้เป็นทั้งช่างและศิษย์ของหลวงปู่กมล
เทคนิค: ช่างได้ใช้ สารเรืองแสงฟอสเฟอร์ (Phosphor) มาเป็นส่วนผสมในสีที่ใช้วาด ทำให้ต้นกัลปพฤกษ์และดวงดาวโดยรอบสามารถ "เก็บพลังงานแสง" ในช่วงกลางวัน และ "คายพลังงาน" ออกมาเป็นแสงสีเขียวเรืองรองในยามค่ำคืน
ความหมาย: ต้นกัลปพฤกษ์คือต้นไม้ในป่าหิมพานต์ตามความเชื่อโบราณ เป็นต้นไม้แห่งความปรารถนา การเรืองแสงขึ้นมาในความมืดเปรียบเสมือนธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ยังคงส่องสว่างนำทางให้แก่สรรพสัตว์แม้ในยามที่มืดมิด
ไฮไลท์อื่นๆ ที่ไม่ควรพลาด
จุดชมวิวพระอาทิตย์ตก: บริเวณลานหน้าวัดเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของอ่างเก็บน้ำสิรินธรได้อย่างกว้างไกล เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง
ประติมากรรมพญานาค: บริเวณทางเข้าและรอบพระอุโบสถมีประติมากรรมพญานาคที่อ่อนช้อยและงดงาม
ความสงบภายในพระอุโบสถ: ภายในประดิษฐานพระประธานให้ได้สักการะบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล
คู่มือสำหรับผู้มาเยือนวัดสิรินธรวรารามภูพร้าว
เวลาเปิด-ปิด:
เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06:00 - 21:00 น.
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมแสง:
ควรเดินทางไปถึงวัดก่อนพระอาทิตย์ตกดิน (ประมาณ 17:00 - 18:00 น.) เพื่อจะได้ชมความงามของวัดและทิวทัศน์โดยรอบในแสงธรรมชาติ และชมพระอาทิตย์ตก
การเรืองแสงจะเริ่มเห็นชัดเจนเมื่อท้องฟ้ามืดสนิท ตั้งแต่เวลาประมาณ 18:30 น. เป็นต้นไป ยิ่งมืด ยิ่งสวย
เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ:
094-519-6999 (สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม)
ที่ตั้งและโลเคชั่น (Location):
ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงในเขตพื้นที่อ่างเก็บน้ำสิรินธร ตำบลช่องเม็ก อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี
Google Maps: https://maps.app.goo.gl/3q2oN1v5hLdY3B5G8
ข้อแนะนำเพิ่มเติม:
การแต่งกาย: กรุณาแต่งกายสุภาพเพื่อเป็นการให้เกียรติสถานที่
การถ่ายภาพ: สามารถใช้แฟลชช่วย "ชาร์จแสง" ที่ต้นไม้ได้ โดยการฉายไฟไปที่ภาพวาดสักครู่ แล้วปิดไฟ จะทำให้ภาพเรืองแสงสว่างขึ้นชั่วขณะ
สิ่งอำนวยความสะดวก: บริเวณวัดมีลานจอดรถ ห้องน้ำ และร้านค้าสวัสดิการบริการ
บทความที่เกี่ยวข้อง
ใครว่าหน้าฝนน่าเบื่อ? ชวนมาเปลี่ยนความคิดที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จ.อุบลราชธานี สัมผัสความงามของทุ่งดอกไม้ป่าหลากสีสันที่เบ่งบานเต็มที่ท่ามกลางไอหมอก พร้อมกิจกรรมท่องเที่ยวธรรมชาติที่ไม่ควรพลาด
22 ก.ย. 2025
อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ไม่ใช่เพียงจุดชมวิวตะวันขึ้น แต่ยังเป็นพยานเงียบที่เก็บงำเรื่องราวอารยธรรมโบราณและวิวัฒนาการทางธรณีวิทยานับล้านปี บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกประวัติความเป็นมาและความสำคัญของผาแต้ม
22 ก.ย. 2025