จาก "เจ้าชายไนจีเรีย" สู่ "AI Deepfake": 30 ปี วิวัฒนาการกลโกง

จาก "เจ้าชายไนจีเรีย" สู่ "AI Deepfake": 30 ปี วิวัฒนาการกลโกงที่สั่นสะเทือนโลก
3 ทศวรรษที่ผ่านมา โลกของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาลด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ "นักต้มตุ๋น" (Scammer) ที่ปรับตัวและพัฒนากลโกงให้ซับซ้อนตามเทคโนโลยีอยู่เสมอ จากอีเมลหลอกลวงสุดคลาสสิก สู่การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) สร้างตัวตนปลอมที่แยกไม่ออก บทความนี้ SKE จะพาคุณย้อนรอย 30 ปีแห่งวิวัฒนาการกลโกงที่น่าสะพรึงกลัวนี้ เพื่อให้คุณรู้ทันและป้องกันตัวเองได้ในยุคที่ "ความจริง" ถูกท้าทายมากที่สุด
ยุคบุกเบิก (ทศวรรษ 1990s - ต้น 2000s): กำเนิด "เจ้าชายไนจีเรีย" และเสน่ห์ของอีเมล
ยุคที่อินเทอร์เน็ตและอีเมลเริ่มแพร่หลาย คือยุคทองของกลโกงสุดคลาสสิกที่เรารู้จักกันดีในชื่อ "Nigerian Prince Scam" (419 Scam)
- กลอุบาย: อ้างว่าเป็นบุคคลสำคัญ (เจ้าชาย, ทนาย, นักธุรกิจ) กำลังมีปัญหาในการยักย้ายถ่ายเทเงินมหาศาลออกจากประเทศ และต้องการ "ความช่วยเหลือ" จากคุณในการเปิดบัญชีหรือสำรองจ่ายค่าธรรมเนียมเล็กน้อยก่อน โดยสัญญาว่าจะแบ่ง "ส่วนแบ่ง" ก้อนโตให้
- ทำไมถึงเวิร์ค (ในยุคนั้น):
- ความแปลกใหม่: อีเมลยังเป็นเรื่องใหม่ การได้รับจดหมายจากต่างประเทศดูน่าตื่นเต้น
- ความโลภ: สัญญาส่วนแบ่งเงินล้านดึงดูดใจ
- ความไม่รู้: ผู้คนยังขาดความเข้าใจในกลโกงออนไลน์
- จุดอ่อน: เนื้อหาอีเมลมักจะดูไม่สมจริง, มีข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์, และต้องอาศัย "ความโลภ" ของเหยื่อเป็นหลัก
แม้จะดูตลกในสายตาคนยุคนี้ แต่กลโกงรูปแบบนี้ก็สร้างความเสียหายมหาศาลและวางรากฐานให้กับ Scammer รุ่นต่อมา
ยุค Web 2.0 (ทศวรรษ 2000s - 2010s): Phishing, Romance Scam, และพลังของโซเชียลมีเดีย
เมื่อเว็บไซต์, เว็บบอร์ด, และโซเชียลมีเดียเฟื่องฟู Scammer ก็ยกระดับความซับซ้อนขึ้นไปอีกขั้น:
- Phishing Scams:
- กลอุบาย: สร้างหน้าเว็บไซต์ปลอมที่ "เลียนแบบ" หน้าล็อกอินของธนาคาร, อีเมล, หรือโซเชียลมีเดียเป๊ะๆ แล้วส่งอีเมลหลอกให้เหยื่อคลิกลิงก์เข้าไปกรอก Username/Password
- วิวัฒนาการ: ใช้โลโก้จริง, ข้อความดูเป็นทางการมากขึ้น, สร้างความรู้สึกเร่งด่วน (บัญชีของคุณกำลังจะถูกปิด!)
- Romance Scams:
- กลอุบาย: สร้างโปรไฟล์ปลอมบนเว็บหาคู่หรือโซเชียลมีเดีย (มักใช้รูปคนหน้าตาดี) เข้ามาสร้างความสัมพันธ์ หลอกให้รักแล้วกุเรื่องขอเงิน
- วิวัฒนาการ: ใช้ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียมาสร้างเรื่องราวที่น่าเชื่อถือ, เล่นกับ "ความเหงา" และ "ความต้องการความรัก", กระบวนการหลอกลวงยาวนานเป็นเดือนหรือเป็นปี
- Investment Scams (ยุคแรก):
- กลอุบาย: สร้างเว็บไซต์ปลอมชวนลงทุนในหุ้น, Forex, หรือธุรกิจที่ไม่มีอยู่จริง อ้างผลตอบแทนสูงเวอร์
- วิวัฒนาการ: ใช้กราฟปลอม, หน้าม้า, การสัมมนาออนไลน์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
ยุคนี้ Scammer เริ่มใช้ "ข้อมูลส่วนตัว" ที่หาได้ง่ายขึ้นจากโลกออนไลน์ มาสร้างกลโกงที่ "เฉพาะเจาะจง" กับเหยื่อมากขึ้น
ยุค Mobile & Call Center (ทศวรรษ 2010s - ต้น 2020s): ความกลัวและความเร่งรีบผ่านมือถือ
สมาร์ทโฟนกลายเป็นศูนย์กลางชีวิต ทำให้ Scammer หันมาใช้ช่องทางนี้มากขึ้น ควบคู่ไปกับการใช้โทรศัพท์แบบดั้งเดิมแต่แนบเนียนกว่าเดิม:
- แก๊งคอลเซ็นเตอร์ (Impersonation Scams):
- กลอุบาย: โทรศัพท์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ (ตำรวจ, DSI, ปปง.), ธนาคาร, บริษัทขนส่ง สร้างเรื่องราวที่น่าสะพรึงกลัว (พัวพันคดี, บัญชีถูกอายัด, มีพัสดุผิดกฎหมาย) เพื่อข่มขู่และหลอกให้โอนเงิน
- วิวัฒนาการ: ใช้เทคโนโลยี Voice Spoofing (ปลอมเบอร์โทร), มีสคริปต์ที่ซับซ้อน, ทำงานเป็นทีม (มีคนอ้างเป็นตำรวจ, ทนาย, อัยการ), เล่นกับ "ความกลัว" และ "ความไม่รู้กฎหมาย"
- Smishing (SMS Phishing):
- กลอุบาย: ส่ง SMS ปลอม เช่น "คุณมีพัสดุผิดกฎหมาย", "บัญชีธนาคารของคุณถูกระงับ", "ได้รับเงินคืนค่าไฟ" พร้อมแนบลิงก์อันตราย
- วิวัฒนาการ: ใช้ชื่อผู้ส่ง (Sender Name) ที่คล้ายหน่วยงานจริง, ลิงก์ดูแนบเนียนขึ้น
- Mobile App Scams:
- กลอุบาย: สร้างแอปฯ ปลอม (เช่น แอปฯ หน่วยงานรัฐ, แอปฯ ลงทุน) หลอกให้ติดตั้งแล้วขโมยข้อมูล หรือหลอกให้โอนเงิน
ยุคนี้เน้นการสร้าง "ความกลัว" และ "ความเร่งรีบ" ทำให้เหยื่อไม่มีเวลาคิดไตร่ตรอง
ยุค AI (ปัจจุบัน - อนาคต): Deepfake, หุ่นยนต์สนทนา, และการโจมตีแบบไฮเปอร์-เพอร์ซันนัลไลซ์
นี่คือยุคที่น่ากลัวที่สุด เพราะ AI กำลังมอบ "อาวุธ" ที่ทรงพลังให้กับ Scammer:
- AI Deepfakes (เสียงและวิดีโอปลอม):
- กลอุบาย: ใช้ AI สร้างคลิปเสียงหรือวิดีโอปลอม เลียนแบบเสียงและหน้าตาของบุคคลที่เหยื่อรู้จัก (เช่น เจ้านาย, คนในครอบครัว) โทรมาขอให้โอนเงินด่วน หรือสร้างวิดีโอปลอมของผู้บริหารระดับสูงประกาศข่าวการลงทุนปลอม
- วิวัฒนาการ: แยกแยะได้ยากขึ้นเรื่อยๆ, ทำลายความน่าเชื่อถือของการสื่อสารทางเสียงและวิดีโอ
- AI-Powered Phishing & Social Engineering:
- กลอุบาย: ใช้ AI (เช่น ChatGPT) เขียนอีเมล Phishing, ข้อความหลอกลวง, หรือสคริปต์แชท ที่มีความเป็นธรรมชาติ, สมจริง, และ "เฉพาะเจาะจง" กับเหยื่อแต่ละคนได้อย่างน่าทึ่ง โดยวิเคราะห์จากข้อมูลส่วนตัวที่หลุดรั่ว
- วิวัฒนาการ: กลโกงมีความแนบเนียนสูง, ตรวจจับได้ยาก, และสามารถโจมตีเป้าหมายจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว
- AI Chatbots for Scams:
- กลอุบาย: ใช้ Chatbot AI คอยตอบโต้กับเหยื่อใน Romance Scam หรือ Investment Scam ทำให้ดูเหมือนมีคนคุยด้วยจริงๆ ตลอดเวลา สร้างความน่าเชื่อถือและหลอกลวงได้นานขึ้น
ยุค AI คือยุคที่ Scammer สามารถ "ปลอมแปลงความจริง" ได้ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้การ "เชื่อในสิ่งที่เห็นหรือได้ยิน" กลายเป็นเรื่องอันตราย
สรุป: เทคโนโลยีเปลี่ยน แต่ "จุดอ่อน" ของมนุษย์ไม่เปลี่ยน
ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา แม้ว่า "เครื่องมือ" และ "วิธีการ" ของ Scammer จะพัฒนาไปไกลแค่ไหน แต่สิ่งที่พวกเขาใช้โจมตีเรายังคงเหมือนเดิม นั่นคือ "จิตวิทยา" และ "จุดอ่อน" ของมนุษย์:
- ความโลภ (Greed)
- ความกลัว (Fear)
- ความเหงา/ความรัก (Loneliness/Love)
- ความไว้วางใจในผู้มีอำนาจ/คนที่รู้จัก (Trust/Authority)
- ความรู้สึกเร่งด่วน (Urgency)
- ความไม่รู้/ความสับสน (Lack of Knowledge/Confusion)
การป้องกันที่ดีที่สุดจึงไม่ใช่แค่การตามให้ทันเทคโนโลยี แต่คือการสร้าง "ภูมิคุ้มกันทางความคิด": ตั้งสติ, สงสัย, ตรวจสอบ, และไม่รีบตัดสินใจ
สงครามระหว่างผู้สร้างเกราะป้องกันกับผู้พยายามทำลายเกราะจะดำเนินต่อไป แต่ "สติ" ของเราคือปราการด่านสุดท้ายที่แข็งแกร่งที่สุด
---
ติดต่อสอบถามและประเมินหน้างานฟรี:** (สำหรับโซล่าเซลล์เท่านั้นนะครับ! )
บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (SKE Solar)
โทร: 045-905-215
เว็บไซต์: www.supsaringkan.co.th
Facebook: facebook.com/SKESolarEnergyUbon
LINE: @supsaringkan97
#โซลาร์เซลล์ #ติดตั้งโซลาร์เซลล์ #ลดค่าไฟ #SKESolar #พลังงานแสงอาทิตย์ #การลงทุน
Miss Kaewthip



