"TradingView" คืออะไร? ทำไมเทรดเดอร์สายเทคนิคต้องใช้? | SKE

เมื่อเทรดเดอร์มือใหม่เปิดพอร์ตหุ้นในไทย เครื่องมือแรกที่ได้สัมผัสคือโปรแกรม **"Streaming"** ซึ่งมีฟังก์ชันดูกราฟพื้นฐาน (Basic Chart) ติดมาให้ แต่เมื่อก้าวเข้าสู่โลกการวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างจริงจัง เทรดเดอร์แทบทุกคน ไม่ว่าจะในไทยหรือต่างประเทศ จะพูดถึงเครื่องมืออีกตัวหนึ่งที่เป็น "มาตรฐานโลก" นั่นคือ **TradingView**

หากโปรแกรมดูกราฟใน Streaming เปรียบเหมือน "รถยนต์" ที่โบรกเกอร์แถมมาให้ใช้งาน TradingView ก็เปรียบเหมือน "ห้องนักบินของ F1" ที่เทรดเดอร์สามารถปรับแต่ง, วิเคราะห์, และทดสอบกลยุทธ์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด

บทความนี้จะเจาะลึกว่า TradingView คืออะไร และทำไมมันถึงเป็น "เครื่องมือที่ขาดไม่ได้" สำหรับเทรดเดอร์สายเทคนิคทุกคน

1. TradingView คืออะไร?

TradingView คือ "แพลตฟอร์ม" การดูกราฟและโซเชียลเน็ตเวิร์กสำหรับเทรดเดอร์ ที่ทำงานอยู่บนคลาวด์ (Cloud-based) พูดง่ายๆ คือ:

1. มันคือ "โปรแกรมดูกราฟ" ที่ดีที่สุดในโลก: TradingView ไม่ใช่ "โบรกเกอร์" (แม้ว่าในต่างประเทศจะเชื่อมต่อเพื่อเทรดได้) แต่เป็นบริษัทที่สร้างซอฟต์แวร์ "การแสดงผลกราฟ" (Charting Software) ที่ลื่นไหล, สวยงาม และมีเครื่องมือครบครันที่สุด
2. มันคือ "โซเชียลมีเดีย" ของเทรดเดอร์: เป็นแหล่งรวมที่เทรดเดอร์ทั่วโลกมา "เผยแพร่ไอเดีย" (Publish Ideas) หรือแบ่งปันการวิเคราะห์กราฟของตนเอง
3. มัน "ครอบคลุมทุกสินทรัพย์": ในขณะที่กราฟ Streaming ดูได้แค่ "หุ้นไทย" แต่ TradingView สามารถดูได้ทุกอย่างในโลก ไม่ว่าจะเป็น หุ้นไทย (SET), หุ้นอเมริกา (NASDAQ), คริปโตเคอร์เรนซี (Bitcoin), ค่าเงิน (Forex), และสินค้าโภคภัณฑ์ (ทองคำ, น้ำมัน) ทั้งหมดในที่เดียว

2. ทำไมเทรดเดอร์สายเทคนิค "ต้องใช้"? (5 เหตุผลหลัก)

เหตุผลที่ TradingView กลายเป็น "มาตรฐานโลก" ไม่ใช่แค่เพราะความสวยงาม แต่เป็นเพราะ "ความสามารถ" ที่กราฟพื้นฐานเทียบไม่ติด

1. "ราชา" แห่งการดูกราฟ (Unmatched Charting Tools)

นี่คือเหตุผลหลัก กราฟของ TradingView ตอบสนองเร็วกว่า, ลื่นไหลกว่า และ "เครื่องมือ" เยอะกว่ามหาศาล

• Indicators นับร้อย: ในขณะที่กราฟทั่วไปมีอินดิเคเตอร์พื้นฐาน (RSI, MACD, STO) TradingView มีอินดิเคเตอร์ "Built-in" ให้ใช้ฟรีกว่า 100+ ชนิด
• เครื่องมือวาด (Drawing Tools) 50+ ชนิด: มีเครื่องมือวาดเส้นที่ "ฉลาด" กว่า เช่น Fibonacci, Gann Box, และเครื่องมือวาด Chart Patterns อัตโนมัติ (เช่น Head & Shoulders)
• การปรับแต่ง (Customization): สามารถปรับสีสัน, บันทึก "Template" (ชุดอินดิเคเตอร์) ของตัวเองไว้ได้ไม่จำกัด

2. Pine Script: สร้าง "อินดิเคเตอร์" และ "ระบบเทรด" ของตัวเอง

นี่คือ "ท่าไม้ตาย" ที่แท้จริง TradingView มี "ภาษาโปรแกรม" ของตัวเองที่ชื่อว่า Pine Script ซึ่งง่ายต่อการเรียนรู้

• สร้าง Indicator เอง: หากมีไอเดียว่า "อยากได้อินดิเคเตอร์ที่รวม RSI กับ MACD เข้าด้วยกัน" สามารถเขียนขึ้นมาเองได้
• Strategy Tester (Backtesting): สามารถเขียน "กลยุทธ์" (เช่น "ซื้อเมื่อ MACD ตัดขึ้น และ ขายเมื่อ RSI แตะ 70") แล้วให้ระบบ "ทดสอบย้อนหลัง" (Backtest) กับข้อมูลในอดีต (เช่น 5 ปี) เพื่อดูว่ากลยุทธ์นี้ "กำไรหรือเจ๊ง" ก่อนนำไปใช้จริง นี่คือสิ่งที่แยกระหว่าง "การเดา" กับ "การเทรดเชิงสถิติ"

3. ชุมชนนักเทรด (Community & Social Ideas)

TradingView คือ "ห้องสมุด" ไอเดียการเทรดที่ใหญ่ที่สุดในโลก เทรดเดอร์ทั่วโลกสามารถเผยแพร่การวิเคราะห์ของตนเอง (Publish Idea) พร้อมคำอธิบายว่าทำไมถึงมองว่า "ซื้อ" หรือ "ขาย"

ข้อควรระวัง: ฟังก์ชันนี้มีไว้เพื่อ "การศึกษา" และ "ดูมุมมอง" เท่านั้น ไม่ใช่เพื่อ "ลอกการบ้าน" หรือ "ทำตามซิกแนล" เทรดเดอร์ที่ดีต้องรับผิดชอบการวิเคราะห์ของตนเอง

4. การแจ้งเตือน (Alerts) ที่ฉลาดกว่า

การแจ้งเตือนในแอป Streaming อาจทำได้แค่ "แจ้งเตือนเมื่อถึงราคา..." แต่ใน TradingView สามารถตั้งการแจ้งเตือนที่ซับซ้อนได้ และเป็น "Server-Side" (แม้ปิดคอมหรือมือถือไปแล้ว การแจ้งเตือนก็ยังทำงาน)

ตัวอย่างการตั้ง Alert:

• "แจ้งเตือน เมื่อ RSI (14) ตัดลง ต่ำกว่า 30"
• "แจ้งเตือน เมื่อราคา ทะลุ Trend Line ที่ตีไว้"
• "แจ้งเตือน เมื่อ MACD เกิด Golden Cross"

ฟังก์ชันนี้ช่วย "ปลดปล่อย" เทรดเดอร์จากการ "เฝ้าจอ" ให้ระบบเฝ้าแทน และกลับมาดูเฉพาะเมื่อเกิดสัญญาณที่น่าสนใจ

5. ครอบคลุมทุกตลาด (All Markets, One Screen)

สำหรับเทรดเดอร์สายเทคนิค การวิเคราะห์ตลาดอื่นเป็นสิ่งจำเป็น (Inter-Market Analysis) เช่น ก่อนเทรดหุ้น PTT (พลังงาน) ก็ควรดูกราฟ "ราคาน้ำมันโลก" (WTI) ประกอบ หรือก่อนเทรดหุ้น DELTA (อิเล็กทรอนิกส์) ก็ควรดูกราฟ "ดัชนี Nasdaq" (หุ้นเทคโนโลยีอเมริกา)

TradingView ทำสิ่งนี้ได้ในหน้าจอเดียว แต่กราฟของโบรกเกอร์ไทยทำไม่ได้

3. (ฟรี) vs (เสียเงิน) มือใหม่ต้องจ่ายไหม?

TradingView มีหลายระดับราคา แต่ข่าวดีคือ...

คำแนะนำ: สำหรับ "มือใหม่" และ "เทรดเดอร์ส่วนใหญ่" แผน Basic (ฟรี) นั้น "เพียงพอและดีกว่า" กราฟโบรกเกอร์ทั่วไปมหาศาลแล้ว

เริ่มต้นด้วยแผน "ฟรี" ก็เพียงพอต่อการวิเคราะห์แล้ว และค่อยอัปเกรดเมื่อรู้สึกว่า "ต้องการใช้อินดิเคเตอร์เกิน 3 ตัว" หรือ "ต้องการตั้ง Alert มากกว่า 1 ครั้ง" เท่านั้น

สรุป: แยกหน้าที่กัน

TradingView คือ "ห้องวิเคราะห์" หรือ "ห้องทำการบ้าน" ส่วนโปรแกรม Streaming ของโบรกเกอร์ คือ "ห้องส่งคำสั่ง"

เทรดเดอร์สายเทคนิคมืออาชีพจะใช้ TradingView เพื่อ "วิเคราะห์" กราฟ, ตีเส้น, ทดสอบระบบ, และ "รอสัญญาณ" ที่ตั้ง Alert ไว้ เมื่อสัญญาณมาถึง (เช่น ราคาแตะแนวรับ + RSI เกิด Divergence) พวกเขาจึงค่อยสลับไปที่โปรแกรม Streaming เพื่อ "กดส่งคำสั่งซื้อ/ขาย" เท่านั้น

การเรียนรู้ที่จะใช้ TradingView (แม้จะเป็นแค่เวอร์ชันฟรี) คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการยกระดับการเทรดจากการ "ดูราคา" ไปสู่การ "วิเคราะห์ตลาด" อย่างแท้จริง

แหล่งอ้างอิง (References)

1. TradingView. (2568). About TradingView. เข้าถึงได้จาก www.tradingview.com
2. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET). (2568). เครื่องมือช่วยลงทุน (Investment Tools). เข้าถึงได้จาก www.set.or.th

SKE Solar (ตัวแทนจำหน่าย Sungrow) พร้อมดูแลครบวงจร!
ติดต่อเราเพื่อสำรวจหน้างานและรับคำปรึกษา "ฟรี" ได้เลยวันนี้!

#โซล่าเซลล์อุบล #ภาคอีสาน #SKEolar #Sungrow #ขออนุญาตPEA #ROI #ติดตั้งทั่วไทย

© 2025 บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ | Copyright © 2025 Supsaringkan Engineering Co., Ltd. All Rights Reserved.