"อ่านงบการเงิน" ฉบับย่อ (ดูแค่ 5 ค่านี้...ก่อนเทรด) | SKE

"อ่านงบการเงิน" ฉบับย่อ (ดูแค่ 5 ค่านี้...ก่อนเทรด) | SKE
นักเทรดสายเทคนิค (TA) จำนวนมาก มักจะละเลย "งบการเงิน" โดยสิ้นเชิง โดยเชื่อว่า "กราฟ" ได้สะท้อนทุกอย่างไว้หมดแล้ว แต่นี่คือ "กับดัก" ที่อันตรายที่สุด
การเทรดหุ้นที่มี "กราฟสวย" (เช่น Breakout, Volume พีค) แต่ "พื้นฐานเน่า" (เช่น ขาดทุนสะสม, หนี้ท่วม) ก็ไม่ต่างอะไรกับการซื้อรถสปอร์ตที่เครื่องยนต์กำลังจะพัง มันอาจจะวิ่งได้เร็วในระยะสั้น แต่สุดท้ายก็จะ "เจ๊ง" และทำให้ผู้ซื้อ "ติดดอย" ตลอดไป
การ "อ่านงบการเงิน" ฉบับย่อ จึงไม่ใช่การวิเคราะห์ที่ซับซ้อนแบบนักลงทุน VI (Value Investor) แต่คือการใช้เวลา 5 นาที เพื่อสแกนหา "เกราะป้องกัน" (Filter) ให้แน่ใจว่าหุ้นที่กำลังจะเทรดนั้น "ไม่ใช่หุ้นขยะ" บทความนี้คือ Checklist 5 ค่า ที่เทรดเดอร์ทุกคนควรอ่านให้เป็น
1. "แผนที่" 3 ฉบับ (ตัวเลขมาจากไหน?)
ก่อนจะดู 5 ค่า ต้องรู้ก่อนว่ามันมาจาก "งบ" 3 ตัวหลัก ที่เปรียบเหมือน "สมุดพก" ของบริษัท (สามารถดูได้จากเว็บ SET, Settrade, หรือแอปเทรดทั่วไป):
- งบกำไรขาดทุน (Income Statement): บอก "ผลงาน" ใน 1 ไตรมาส/1 ปี ว่า "ขายดีไหม?" (รายได้) และ "เหลือเท่าไหร่?" (กำไร)
- งบดุล (Balance Sheet): บอก "สถานะ" ณ วันที่ปิดงบ ว่า "รวย" หรือ "จน"? (สินทรัพย์ = หนี้สิน + ทุน)
- งบกระแสเงินสด (Cash Flow Statement): บอก "ความจริง" ว่า "มีเงินสดจริง" หรือ "กำไรแค่ในกระดาษ"?
2. 5 ค่า "เกราะป้องกัน" (The 5-Minute Checklist)
นี่คือ 5 ค่า ที่ใช้สแกน "สุขภาพ" ของบริษัทได้อย่างรวดเร็ว
1. การเติบโตของ "รายได้" (Revenue Growth)
- ค่าที่ดู: รายได้ (Revenue หรือ Sales)
- ดูที่ไหน: งบกำไรขาดทุน
- ทำไมต้องดู? รายได้คือ "เส้นเลือดใหญ่" ของธุรกิจ ถ้า "รายได้ไม่โต" (เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน - YoY) ก็แปลว่าธุรกิจนั้นกำลัง "อิ่มตัว" หรือ "กำลังจะตาย" หุ้นที่รายได้หดตัว ยากที่จะเป็น "หุ้นต้นน้ำ" ได้
- สัญญาณดี: รายได้โตต่อเนื่อง (เช่น > 10-15% YoY)
- สัญญาณอันตราย: รายได้ลดลง หรือ เติบโตช้ากว่าอุตสาหกรรม
2. อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin - NPM)
- ค่าที่ดู: กำไรสุทธิ (Net Profit) เทียบกับ รายได้
- ดูที่ไหน: งบกำไรขาดทุน
- ทำไมต้องดู? บอกว่า "ขาย 100 บาท เหลือเป็นกำไรจริงกี่บาท" มันคือ "ความเก่ง" ในการควบคุมต้นทุน
- สัญญาณดี: NPM สูงและ "คงที่" หรือ "เพิ่มขึ้น" (เช่น NPM 15% แปลว่า ขาย 100 เหลือ 15 บาท)
- สัญญาณอันตราย: "รายได้โต แต่กำไรลด" (NPM บางลง) แปลว่าบริษัทกำลัง "ลดราคา" แข่งขันอย่างหนัก หรือ "ควบคุมต้นทุนไม่อยู่"
3. อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio)
- ค่าที่ดู: หนี้สินรวม (Total Liabilities) / ส่วนของผู้ถือหุ้น (Total Equity)
- ดูที่ไหน: งบดุล
- ทำไมต้องดู? นี่คือ "มาตรวัดความเสี่ยง" ที่สำคัญที่สุด บอกว่าบริษัท "กู้เงิน" มาทำธุรกิจเยอะไปหรือไม่
- สัญญาณดี: D/E ต่ำ (เช่น < 1.0x หรือ 1.5x) แปลว่า "หนี้น้อย" (ยกเว้นกลุ่มธนาคาร/ลิสซิ่ง)
- สัญญาณอันตราย: D/E สูงมาก (เช่น > 2.0x หรือ 3.0x) แปลว่าบริษัท "กู้หนัก" (Leverage สูง) มีความเสี่ยงที่จะ "ล้มละลาย" หากธุรกิจสะดุด หรือ "ดอกเบี้ย" ขาขึ้น
4. อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE)
- ค่าที่ดู: Return on Equity (ROE)
- ดูที่ไหน: (มักมีคำนวณไว้ให้ในเว็บตลาดหลักทรัพย์) มาจาก (กำไรสุทธิ / ส่วนของผู้ถือหุ้น)
- ทำไมต้องดู? นี่คือ "มาตรวัดความเก่ง" ของผู้บริหาร บอกว่า "นำเงินของเจ้าของ (ทุน)" ไป "สร้างผลตอบแทน" ได้กี่เปอร์เซ็นต์ต่อปี
- สัญญาณดี: ROE "สูง" และ "สม่ำเสมอ" (เช่น > 15% หรือ 20% ทุกปี) แปลว่าผู้บริหาร "เก่ง" ในการใช้เงินทุน
- สัญญาณอันตราย: ROE ต่ำ (เช่น 2-3%) แปลว่าธุรกิจ "ไม่น่าดึงดูด" (เอาเงินไปฝากธนาคารอาจจะดีกว่า) หรือ ROE "ผันผวน" (ปีนี้ +30% ปีหน้า -20%)
5. กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (OCF)
- ค่าที่ดู: Operating Cash Flow (กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน)
- ดูที่ไหน: งบกระแสเงินสด
- ทำไมต้องดู? นี่คือ "เครื่องจับโกหก" (The Truth Serum) "กำไร" ในงบการเงิน (ข้อ 2) อาจเป็น "กำไรทางบัญชี" (เช่น ขายของได้ แต่เก็บเงินลูกค้าไม่ได้) แต่ OCF คือ "เงินสด" ที่ไหลเข้าบริษัทจริงๆ
- สัญญาณดี: OCF เป็น "บวก" และควรมีค่า "ใกล้เคียง" กับ "กำไรสุทธิ" (Net Profit)
3. สัญญาณ "อันตราย" ที่สุด (The Ultimate Red Flag)
หากไม่มีเวลาดูทั้ง 5 ค่า ให้ดู "ข้อ 2 เทียบกับ ข้อ 5" นี่คือสัญญาณ "หายนะ" ที่นักเทคนิคต้องระวัง:
"กำไรเป็นบวก... แต่กระแสเงินสด (OCF) ติดลบ!"(Net Profit = Positive, but OCF = Negative)
จิตวิทยา: นี่คือบริษัทที่ "กำไรทิพย์" หรือ "กำไรในกระดาษ" มันหมายความว่า บริษัท "รับรู้รายได้" (เช่น ขายของให้ลูกหนี้) แต่ "ไม่สามารถเก็บเงินสด" ได้จริง (ลูกหนี้ไม่จ่าย) ธุรกิจที่ "ไม่มี" เงินสด ก็เหมือน "คนขาดอากาศหายใจ" และมีความเสี่ยงสูงมากที่จะ "ล้ม" ในอนาคต
หากเจอหุ้นที่กราฟกำลังจะ Breakout แต่ "OCF ติดลบ" ... จง "หนีให้ห่าง"!
สรุป: ใช้ FA เป็น "เกราะ" ใช้ TA เป็น "ดาบ"
การสละเวลา 5 นาที เพื่อตรวจสอบ 5 ค่านี้ (รายได้โต, กำไรดี, หนี้ต่ำ, ROE สูง, เงินสดจริง) ไม่ได้ช่วยให้ "รวยเร็ว" แต่จะช่วย "ป้องกัน" ไม่ให้ "เจ๊งหนัก"
มันคือการ "กรอง" หุ้นขยะ (Junk Stocks) และ "กับดักมูลค่า" (Value Traps) ทิ้งไป ให้เหลือแต่ "หุ้นคุณภาพ" ที่ควรค่าแก่การ "เทรด" จากนั้น จึงค่อยใช้ "กราฟเทคนิค" (TA) ที่ถนัด เพื่อหา "จังหวะ" (Timing) ในการเข้าซื้อ
แหล่งอ้างอิง (References)
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET). (2568). วิธีอ่านงบการเงิน (How to Read Financial Statements). เข้าถึงได้จาก www.set.or.th
- Settrade. (2568). อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ (Key Financial Ratios). เข้าถึงได้จาก www.settrade.com
- สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.). (2568). คู่มือผู้ลงทุน. เข้าถึงได้จาก www.sec.or.th
SKE Solar (ตัวแทนจำหน่าย Sungrow) พร้อมดูแลครบวงจร!
ติดต่อเราเพื่อสำรวจหน้างานและรับคำปรึกษา "ฟรี" ได้เลยวันนี้!
บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (SKE Solar)
(ตัวแทนจำหน่ายและติดตั้ง Sungrow อย่างเป็นทางการ)
โทร: 045-905-215
เว็บไซต์: www.supsaringkan.co.th
Facebook: facebook.com/SKESolarEnergyUbon
LINE: @760fgpmx
#โซล่าเซลล์อุบล #ภาคอีสาน #SKEolar #Sungrow #ขออนุญาตPEA #ROI #ติดตั้งทั่วไทย
© 2025 บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ | Copyright © 2025 Supsaringkan Engineering Co., Ltd. All Rights Reserved.
Miss Kaewthip



