"ตลาดแพนิก" (Panic Sell): ควร "ช้อนซื้อ" หรือ "หนีตาย"? | SKE

"ตลาดแพนิก" (Panic Sell) คือหนึ่งในช่วงเวลาที่ "น่ากลัว" ที่สุดในตลาดทุน มันคือปรากฏการณ์ที่ราคาหลักทรัพย์ (เช่น หุ้น หรือ คริปโต) ดิ่งลงอย่างรุนแรงฉับพลัน เกิดจาก "อารมณ์" (Emotion) ล้วนๆ ไม่ใช่ "เหตุผล" (Logic)

ณ จุดนั้น เทรดเดอร์จะถูกบีบให้ตอบคำถามที่ "ขัดแย้ง" กันที่สุดในโลกการลงทุน:

1. เราควรทำตามคำสอนของ Warren Buffett: "จงโลภ เมื่อคนอื่นกลัว" (Be greedy when others are fearful) ... แล้ว "ช้อนซื้อ" ของถูก?
2. หรือ เราควรทำตามกฎเหล็กของเทรดเดอร์: "อย่ารับมีดที่กำลังร่วง" (Don't catch a falling knife) ... แล้ว "หนีตาย" (Cut Loss)?

การตัดสินใจที่ "ผิดพลาด" ในช่วงเวลานี้ สามารถนำไปสู่ "การล้างพอร์ต" ได้ในทันที บทความนี้จะเจาะลึกจิตวิทยาของตลาดแพนิก และ "แผนการ" ที่จะช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง

1. จิตวิทยาของ "การหนีตาย" (Why Panic Sells Happen)

"ตลาดแพนิก" ไม่ใช่ "การย่อตัว" (Dip) ปกติ แต่มันคือ "โรคระบาดทางอารมณ์" (Emotional Contagion) ที่ขับเคลื่อนด้วย FUD (Fear, Uncertainty, and Doubt)

กลไก "เกลียวมรณะ" (The Death Spiral)

1. ข่าวร้าย (The Trigger): เริ่มจาก "ข่าวร้าย" ที่คาดไม่ถึง (เช่น โรคระบาด, สงคราม, วิกฤตธนาคาร)
2. ความกลัว (FUD): ข่าวกระตุ้น "ความกลัว" (Fear) รายย่อยเริ่ม "เทขาย" (Panic Sell) เพื่อ "หนี" (Flight)
3. การบังคับขาย (Margin Calls): "หายนะ" ที่แท้จริงอยู่ตรงนี้! เมื่อราคาดิ่งลงถึงจุดหนึ่ง คนที่ "กู้เงินเทรด" (Leverage) จะถูก "บังคับขาย" (Force Sell) โดยโบรกเกอร์
4. เกลียวมรณะ (The Spiral): Margin Calls นี้ ทำให้เกิด "แรงขาย" มหาศาล -> ราคายิ่ง "ดิ่ง" -> ยิ่งกระตุ้น "Margin Calls" ล็อตใหม่ -> วนลูปไปเรื่อยๆ จนกว่า "แรงขาย" จะหมด

คำเตือน: "การรับมีด" (Catching a Falling Knife)

การ "ช้อนซื้อ" ในขณะที่ "เกลียวมรณะ" (ข้อ 3 และ 4) กำลังทำงาน คือ "การรับมีด" ที่อันตรายที่สุด

ณ จุดนั้น "เหตุผล" และ "ปัจจัยพื้นฐาน" "ไม่มีความหมาย" ตลาดกำลังถูกขับเคลื่อนด้วย "การบังคับขาย" (Forced Selling) เท่านั้น การพยายาม "ซื้อสวน" ในจังหวะนี้ คือการ "หนีตาย" ที่ช้าเกินไป และจะทำให้ "ติดดอย" ทันที

2. กลยุทธ์ "ช้อนซื้อ" (Bottom Fishing): เกมของ "นักลงทุน" (VI)

แล้วคำพูดของ Warren Buffett ใช้ได้เมื่อไหร่? ... "ใช้ได้" แต่ต้องมี "เงื่อนไข" 3 ข้อ:

1. คุณคือ "นักลงทุน VI" (Investor): ไม่ใช่ "นักเทรด" (Trader)
2. คุณใช้ "เงินเย็น" (Cold Money): ไม่ใช่ "เงินกู้" (Leverage)
3. คุณ "ทำการบ้าน" มาแล้ว (Homework Done)

แนวคิด "ช้อนซื้อ" ที่ถูกต้อง

Panic Sell คือ "โอกาสทอง" (Golden Opportunity) มันคือ "Black Friday Fire Sale" ของตลาดหุ้น ที่ "บังคับ" ให้คนอื่น "ขายของดี...ในราคาถูก" ให้เรา

ขั้นตอนของ VI (ทำ "ก่อน" ตลาดแพนิก):

1. สร้าง "Wishlist" (รายการซื้อของ): "ทำการบ้าน" (FA) ในสภาวะปกติ ว่า "หุ้น 10 ตัวที่ดีที่สุด" (เช่น P/E ต่ำ, ROE สูง, หนี้ต่ำ) ที่อยากได้ มีอะไรบ้าง
2. กำหนด "ราคาในฝัน": คำนวณ "มูลค่าที่แท้จริง" (Intrinsic Value) ของหุ้นเหล่านั้น (เช่น หุ้น A ดีมาก แต่วันนี้ 100 บาท "แพงไป" ... "ราคาในฝัน" คือ 60 บาท)
3. ถือ "เงินสด" รอ: ถือ "เงินสด" (Cash is King) อดทนรอ... อาจจะ 1-2 ปี
4. "ช้อนซื้อ" เมื่อแพนิก: เมื่อ "ตลาดแพนิก" และ "บังคับ" ให้หุ้น A (หุ้นดี) ร่วงลงมาที่ 60 บาท (ราคาในฝัน) -> "จงโลภ" และ "ทยอยซื้อ" ตามแผน

VI "ไม่" ช้อนซื้อ "หุ้นเน่า" (Junk Stocks) เพียงเพราะมัน "ลงมาเยอะ" แต่ "ช้อนซื้อ" "หุ้นดี" (Great Companies) ที่ "ราคาถูก" เพราะตลาดกำลัง "ไร้สติ"

3. กลยุทธ์ "รอ" (Waiting): เกมของ "นักเทคนิค" (Trader)

แล้วถ้าเป็น "เทรดเดอร์" (TA) ที่ไม่มี Wishlist พื้นฐานล่ะ? ควร "หนีตาย" หรือ "ช้อนซื้อ" ?
คำตอบคือ: "ไม่ต้องทำทั้งสองอย่าง... แต่จง 'รอ' "

เทรดเดอร์สายเทคนิค "ไม่เคย" พยายาม "ทายจุดต่ำสุด" (Predict the Bottom) แต่พวกเขา "รอ" ให้ตลาด "ยืนยัน" (Confirmation) ว่า "จุดต่ำสุด" ได้ "ผ่านไปแล้ว"

สัญญาณ "การยอมจำนน" (Capitulation)

จุดต่ำสุดของตลาดแพนิก มักจะจบลงด้วย "การยอมจำนนครั้งสุดท้าย" (The Capitulation) ซึ่งมีลักษณะทางเทคนิคดังนี้:

• แท่งเทียน "หายนะ" (Climactic Candle): เกิด "แท่งเทียนสีแดงยาว" (Long Red Candle) หรือ "ไส้ล่างยาวมาก" (Long Lower Wick)
• Volume "มโหฬาร" (Climactic Volume): เกิด "Volume Spike" ที่ "สูงที่สุด" ในรอบหลายเดือน นี่คือสัญญาณ "การล้าง" (Washout) ที่ "ทุกคน" ที่อยากขาย... ได้ "ขาย" ออกไปจนหมดแล้ว

สัญญาณ "กลับตัว" (The Confirmation)

เทรดเดอร์จะ "ไม่" ซื้อที่แท่ง Capitulation (เพราะนั่นยังคือ "มีด") แต่จะ "รอ" สัญญาณ "ยืนยัน" ที่ตามมา:

1. Bullish Divergence: (สัญญาณเตือน) ราคาทุบทำ "Low ใหม่" แต่ RSI/MACD "ไม่ทำ Low ใหม่" (แรงขายหมด)
2. Reversal Patterns: (สัญญาณยืนยัน) เกิดรูปแบบ "แท่งเทียนกลับตัว" (Hammer, Bullish Engulfing) หรือ "Double Bottom" (W-Shape)

สรุปกลยุทธ์ TA:

"หนีตาย" (Stop Loss) ตั้งแต่ "เริ่ม" ขาลง -> "ถือเงินสด" (Cash) ตลอดช่วง Panic Sell (ไม่รับมีด) -> "รอ" สัญญาณ Capitulation -> "รอ" สัญญาณ Confirmation (เช่น Double Bottom) -> "เข้าซื้อ" (Buy) เมื่อ "แนวโน้มใหม่" เริ่มต้น

สรุป: "ช้อน" หรือ "หนี" ขึ้นอยู่กับ "แผน"

"ตลาดแพนิก" คือ "เครื่องคัดกรอง" ที่ดีที่สุด มันจะ "ทำลาย" นักพนัน, คนที่ใช้ Leverage เกินตัว, และคนที่ไม่ทำการบ้าน

แต่มันคือ "โอกาสทอง" ครั้งใหญ่ สำหรับคนที่ "เตรียมพร้อม"

แหล่งอ้างอิง (References)

1. Buffett, W. (Annual Letters). Berkshire Hathaway Shareholder Letters. (แนวคิด "Be greedy when others are fearful")
2. Douglas, M. (2000). Trading in the Zone. (จิตวิทยาการเทรดในสภาวะ FUD และการยอมรับความเสี่ยง)
3. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET). (2568). จิตวิทยาการลงทุน (Investor Psychology). เข้าถึงได้จาก www.set.or.th

SKE Solar (ตัวแทนจำหน่าย Sungrow) พร้อมดูแลครบวงจร!
ติดต่อเราเพื่อสำรวจหน้างานและรับคำปรึกษา "ฟรี" ได้เลยวันนี้!

#โซล่าเซลล์อุบล #ภาคอีสาน #SKEolar #Sungrow #ขออนุญาตPEA #ROI #ติดตั้งทั่วไทย

© 2025 บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ | Copyright © 2025 Supsaringkan Engineering Co., Ltd. All Rights Reserved.