แชร์

"Position Sizing": ควรซื้อหุ้นตัวละกี่บาท? (กฎ 2%) | SKE

IMG_2598.jpeg Miss Kaewthip
อัพเดทล่าสุด: 30 ต.ค. 2025
27 ผู้เข้าชม

"Position Sizing": ควรซื้อหุ้นตัวละกี่บาท? (กฎ 2%) | SKE

นักเทรดมือใหม่มักถามคำถามที่ "ผิด" พวกเขามักจะถามว่า "ควรซื้อหุ้นตัวไหน?" (เทคนิค) แต่คำถามที่ "สำคัญกว่า" ที่จะตัดสินการอยู่รอดในตลาด คือ "ควรซื้อหุ้นตัวนั้นเป็นจำนวนเงินกี่บาท?"

นี่คือศาสตร์ของ "Position Sizing" (การกำหนดขนาดสถานะ) ซึ่งเป็น "เสาหลัก" ที่สำคัญที่สุดของ "Money Management" (MM) มันคือเครื่องมือเดียวที่ช่วยให้เทรดเดอร์ "ควบคุม" ความเสี่ยงได้ก่อนที่การเทรดจะเริ่มต้น

การ "All-in" (ทุ่มสุดตัว) หรือการ "ซื้อถัวเฉลี่ย" โดยไม่มีหลักการ คือการพนัน แต่การใช้ Position Sizing คือการเทรดแบบ "ธุรกิจ" บทความนี้จะเจาะลึก "กฎ 2%" (หรือ 1%) ซึ่งเป็นมาตรฐานโลกในการกำหนดว่า "ควรซื้อกี่บาท" เพื่อป้องกันการ "ล้างพอร์ต"


1. คำถามที่ "ผิด" vs คำถามที่ "ถูก"

Money Management ที่ "ผิดพลาด" เริ่มต้นจากคำถามที่ "ผิด" มาดูกันว่ามือใหม่กับมืออาชีพคิดต่างกันอย่างไร

คำถามของ "มือใหม่" (ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์) คำถามของ "มืออาชีพ" (ขับเคลื่อนด้วยสถิติ)
"หุ้นตัวนี้ 'มั่นใจ' มาก ควร 'All-in' ไหม?" "ระบบเทรดนี้มี Win Rate เท่าไหร่? R:R Ratio คุ้มหรือไม่?"
"มีเงิน 100,000 บาท แบ่งซื้อ 5 ตัว ตัวละ 20,000 บาท เท่ากันดีไหม?" "หุ้น A ผันผวนน้อย (Stop 5%) ส่วนหุ้น B ผันผวนสูง (Stop 15%) ควร 'ปรับ' ขนาดการซื้อ (Position Size) อย่างไร ให้ 'ความเสี่ยง' ของทั้งสองไม้ 'เท่ากัน'?"
"ควรซื้อกี่บาทดี?" "ถ้าเทรดนี้แพ้ เราจะ 'เสีย' กีบาท?"

Position Sizing คือการเปลี่ยนโฟกัสจาก "การทำกำไร" (ที่เราควบคุมไม่ได้) มาสู่ "การบริหารการขาดทุน" (สิ่งเดียวที่เราควบคุมได้ 100%)


2. "กฎ 1-2%" (The 1-2% Rule): เกราะป้องกันการ "ล้างพอร์ต"

นี่คือกฎ Money Management ที่คลาสสิกและเรียบง่ายที่สุด

"กฎ 1-2% (The 1-2% Rule)"

คือการ "จำกัดความเสี่ยง" ในการเทรด 1 ครั้ง (1 Trade) ไว้ที่ "ไม่เกิน 1% ถึง 2% ของเงินทุนในพอร์ตทั้งหมด"

ทำไมต้อง 1-2%? เพราะมันคือ "คณิตศาสตร์" ของการอยู่รอด

  • ถ้าเสี่ยงไม้ละ 1%: ต้อง "แพ้" ติดต่อกัน 100 ครั้ง พอร์ตถึงจะ "หมด" (Risk of Ruin ต่ำมาก)
  • ถ้าเสี่ยงไม้ละ 2%: ต้อง "แพ้" ติดต่อกัน 50 ครั้ง พอร์ตถึงจะ "หมด" (ยังต่ำมาก)
  • ถ้าเสี่ยงไม้ละ 10%: ต้อง "แพ้" ติดต่อกัน 10 ครั้ง พอร์ตก็ "หมด" (สูงมาก!)
  • ถ้าเสี่ยงไม้ละ 50% (All-in 2 ไม้): ต้อง "แพ้" ติดต่อกัน 2 ครั้ง พอร์ตก็ "หมด" (นี่คือการพนัน)

การจำกัดความเสี่ยงไว้ที่ 1-2% ช่วยให้พอร์ต "ทนทาน" ต่อ "การขาดทุนต่อเนื่อง" (Losing Streak) ซึ่งเป็นสิ่งที่ "เกิดขึ้นแน่นอน" ไม่ว่าเทคนิคจะดีแค่ไหนก็ตาม


3. "สูตรคำนวณ" Position Sizing (ต้องทำ "ก่อน" ซื้อ)

นี่คือขั้นตอนที่ "สำคัญที่สุด" ที่เชื่อมโยง "กฎ 2%" เข้ากับ "Stop Loss" เพื่อตอบคำถามว่า "ควรซื้อกี่บาท?"

การคำนวณนี้ "บังคับ" ให้เราต้อง "หาจุด Stop Loss ก่อน" เสมอ

ขั้นตอนที่ 1: กำหนด "ความเสี่ยง" (Risk) เป็น "ตัวเงิน"

สูตร: เงินทุนทั้งหมด x %ความเสี่ยง (เช่น 2%) = ความเสี่ยง (บาท)

ตัวอย่าง: พอร์ต 1,000,000 บาท x 2% = 20,000 บาท
(หมายความว่า: ไม่ว่าจะซื้อหุ้นกี่บาทก็ตาม ถ้าการเทรดครั้งนี้ "แพ้" จะต้องขาดทุน "ไม่เกิน" 20,000 บาท)

ขั้นตอนที่ 2: หา "ระยะเสี่ยง" (Stop Loss) จาก "กราฟ"

นี่คือการใช้ "เทคนิค" (TA) เพื่อหาจุด Stop Loss ที่ "สมเหตุสมผล" (เช่น ใต้แนวรับ, ใต้ Trend Line)

ตัวอย่าง: วิเคราะห์แล้วจะซื้อหุ้น A ที่ราคา 100 บาท และมี "แนวรับ" สำคัญที่ 90 บาท
ดังนั้น จุด Stop Loss ที่สมเหตุสมผล คือ 89 บาท (เผื่อไว้ใต้แนวรับ)
ระยะเสี่ยงต่อหุ้น (Risk per Share): 100 - 89 = 11 บาท

ขั้นตอนที่ 3: คำนวณ "จำนวนหุ้น" (Position Size)

สูตร: (ความเสี่ยง (บาท)) / (ระยะเสี่ยงต่อหุ้น (บาท)) = จำนวนหุ้นที่ต้องซื้อ

ตัวอย่าง: 20,000 บาท / 11 บาท = 1,818 หุ้น
(ปัดเศษลงให้เป็น Board Lot = 1,800 หุ้น)

ขั้นตอนที่ 4: สรุป "ขนาด" การเทรด

สรุป: ต้องซื้อหุ้น A จำนวน 1,800 หุ้น ที่ราคา 100 บาท
(ใช้เงินลงทุนทั้งหมด = 1,800 x 100 = 180,000 บาท)
และ "ต้อง" ตั้ง Stop Loss ที่ 89 บาท "ทันที"


4. การ "ปรับ" ขนาด (ทำไม MM ถึงฉลาดกว่า)

ลองดู "ความมหัศจรรย์" ของ Position Sizing เมื่อเทียบกับ "มือใหม่" ที่แบ่งเงินเท่ากัน

สถานการณ์: มีพอร์ต 1,000,000 บาท ต้องการซื้อหุ้น 2 ตัว ด้วยความเสี่ยงรวม 2% (เสี่ยงตัวละ 1% = 10,000 บาท)

กลยุทธ์ มือใหม่ (แบ่งเงิน 100,000 เท่ากัน) มืออาชีพ (แบ่ง "ความเสี่ยง" 1% เท่ากัน)
หุ้น A (ผันผวนต่ำ)
ราคาเข้า: 100 บาท
Stop Loss: 95 บาท
(ระยะเสี่ยง = 5 บาท)
ซื้อ 100,000 บาท = 1,000 หุ้น
ถ้าแพ้: 1,000 หุ้น x 5 บาท = ขาดทุน 5,000 บาท (1% ของพอร์ต)
คำนวณ: 10,000 / 5 = 2,000 หุ้น
ซื้อ 200,000 บาท (2,000 หุ้น)
ถ้าแพ้: ขาดทุน 10,000 บาท (1% ของพอร์ต)
หุ้น B (ผันผวนสูง)
ราคาเข้า: 100 บาท
Stop Loss: 80 บาท
(ระยะเสี่ยง = 20 บาท)
ซื้อ 100,000 บาท = 1,000 หุ้น
ถ้าแพ้: 1,000 หุ้น x 20 บาท = ขาดทุน 20,000 บาท (4% ของพอร์ต!)
คำนวณ: 10,000 / 20 = 500 หุ้น
ซื้อ 50,000 บาท (500 หุ้น)
ถ้าแพ้: ขาดทุน 10,000 บาท (1% ของพอร์ต)
บทสรุปที่น่าทึ่ง:
  • "มือใหม่" ที่แบ่งเงินเท่ากัน กลายเป็นว่า "เสี่ยงหนัก" (4%) ในหุ้นที่ผันผวนสูง และ "เสี่ยงน้อย" (1%) ในหุ้นที่ผันผวนต่ำ (การพนันโดยไม่รู้ตัว)
  • "มืออาชีพ" ที่ใช้ Position Sizing จะ "ซื้อหนัก" (2 แสน) ในหุ้นที่ Stop Loss "แคบ" และ "ซื้อเบา" (5 หมื่น) ในหุ้นที่ Stop Loss "กว้าง" เพื่อ "คุม" ให้การขาดทุนของ "ทุกไม้" เท่ากันที่ 1%

สรุป: MM คือ "คันเร่ง" และ "เบรก"

Position Sizing คือ "หัวใจ" ของการเทรดอย่างยั่งยืน มันไม่ใช่แค่ "กฎ" แต่เป็น "เครื่องคำนวณ" ที่บอกเราว่าควรเหยียบ "คันเร่ง" (ซื้อหนัก) หรือ "เบรก" (ซื้อเบา) มากแค่ไหน โดยอิงจาก "ความเสี่ยง" (ระยะ Stop Loss) ที่กราฟเทคนิคบอกเรา

การเลิกถามว่า "ควรซื้อหุ้นตัวนี้กี่บาท?" และเปลี่ยนมาถามว่า "ถ้าหุ้นตัวนี้แพ้... เราจะเสียกี่บาท?" คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการเปลี่ยนจาก "นักพนัน" มาเป็น "นักเทรดมืออาชีพ"


แหล่งอ้างอิง (References)

  1. Tharp, V. K. (2007). Trade Your Way to Financial Freedom. (หนังสือคลาสสิกด้าน Position Sizing และ Risk of Ruin)
  2. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET). (2568). การบริหารความเสี่ยง (Risk Management). เข้าถึงได้จาก www.set.or.th
  3. Ryan, L. (2000). The 2% Rule. (แนวคิดที่เผยแพร่โดยเทรดเดอร์ในตำนาน)

SKE Solar (ตัวแทนจำหน่าย Sungrow) พร้อมดูแลครบวงจร!
ติดต่อเราเพื่อสำรวจหน้างานและรับคำปรึกษา "ฟรี" ได้เลยวันนี้!

บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (SKE Solar)

(ตัวแทนจำหน่ายและติดตั้ง Sungrow อย่างเป็นทางการ)

โทร: 045-905-215

เว็บไซต์: www.supsaringkan.co.th

Facebook: facebook.com/SKESolarEnergyUbon

LINE: @760fgpmx

#โซล่าเซลล์อุบล #ภาคอีสาน #SKEolar #Sungrow #ขออนุญาตPEA #ROI #ติดตั้งทั่วไทย

© 2025 บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ | Copyright © 2025 Supsaringkan Engineering Co., Ltd. All Rights Reserved.


IMG_2598.jpeg
Miss Kaewthip
Sharing management perspectives and strategies from direct experience as a Managing Director, with drive and determination inspired by Confucian philosophy.
บทความที่เกี่ยวข้อง
"ตั๋งโต๊ะ" ในที่ทำงาน: เผด็จการ 101 (และจุดจบของเขา) | SKE
เจาะลึก "ตั๋งโต๊ะ" (Dong Zhuo) ในที่ทำงาน "ผู้นำเผด็จการ" (Dictator Boss) ที่ใช้ "ความกลัว" (Hard Power) ปกครอง วิเคราะห์บทเรียนจิตวิทยา และ "จุดจบ" ที่ล่มสลาย
"เตียวเสี้ยน" และการอ่านใจ: การใช้ "จุดอ่อน" (ความใคร่) ของเป้าหมาย | SKE
เจาะลึก "เตียวเสี้ยน" (Diaochan) และ "กลสาวงาม" (Beauty Trap) วิเคราะห์จิตวิทยาการ "อ่านใจ" (Mind Reading) และการใช้ "จุดอ่อน" (ความใคร่, อัตตา) ของ ตั๋งโต๊ะ และ ลิโป้ เพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมือง
"ตั๋งโต๊ะ" ในที่ทำงาน: เผด็จการ 101 (และจุดจบของเขา) | SKE
เจาะลึก "ตั๋งโต๊ะ" (Dong Zhuo) ในที่ทำงาน "ผู้นำเผด็จการ" (Dictator Boss) ที่ใช้ "ความกลัว" (Hard Power) ปกครอง วิเคราะห์บทเรียนจิตวิทยา และ "จุดจบ" ที่ล่มสลาย
icon-whatsapp
บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
โดยปกติจะตอบกลับภายในไม่กี่ชั่วโมง
มีอะไรให้ฉันช่วยไหม?
เริ่มแชท
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ