"เทรดรันเทรนด์" (Follow the Trend): ถือยังไงให้ได้ "กำไรคำโต"? | SKE

"เทรดรันเทรนด์" (Follow the Trend): ถือยังไงให้ได้ "กำไรคำโต"? | SKE
ในตลาดหุ้น มีคำพูดที่เจ็บปวดอยู่ 2 แบบ คือ "รู้งี้..." (ตัดขาดทุนไม่ทัน) และ "ขายหมู" (รีบขายเร็วเกินไป)
สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ส่วนใหญ่ ปัญหาที่ใหญ่กว่าการ "ตัดขาดทุน" (Cut Loss) คือการ "ถือทำกำไร" (Let Profit Run) เรามักจะ "ทนถือหุ้นที่ขาดทุน" ได้นานเป็นปีๆ แต่กลับ "ทนถือหุ้นที่กำไร" ได้เพียง 5-10% ก็รีบขายทิ้งด้วยความกลัวว่ากำไรจะหายไป ผลลัพธ์คือพอร์ตที่เต็มไปด้วย "กำไรคำเล็กๆ" และ "ขาดทุนคำโตๆ" ซึ่งในระยะยาวไม่มีทางชนะตลาดได้
"Trend Following" (การเทรดรันเทรนด์) คือปรัชญาที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง มันคือกลยุทธ์ที่ออกแบบมาเพื่อ "ตัดขาดทุนให้เร็ว" และ "ปล่อยให้กำไรเติบโตไปให้สุดทาง" เพื่อสร้าง "กำไรคำโต" (Big Wins) ที่สามารถชดเชยการขาดทุนเล็กๆ น้อยๆ ทั้งหมดได้
บทความนี้จะเจาะลึกจิตวิทยาและเครื่องมือที่จำเป็น ในการเอาชนะสัญชาตญาณ "ขายหมู" และเปลี่ยนมา "ถือ" ให้ได้กำไรคำโต
1. ปัญหาใหญ่: ทำไม "ถือ" หุ้นกำไรถึง "ยาก" กว่า "ถือ" หุ้นขาดทุน?
คำตอบอยู่ที่ "จิตวิทยา" และ "ชีววิทยา" ของสมองมนุษย์ที่ถูกออกแบบมาให้อยู่รอด ไม่ใช่เพื่อทำกำไรในตลาดหุ้น
จิตวิทยา "การขายหมู" (Prospect Theory)
- การกลัวความสูญเสีย (Loss Aversion): สมองของเรา "เจ็บปวด" จากการ "สูญเสีย" (เช่น กำไร 5% หายไป) มากกว่า "มีความสุข" จากการ "ได้กำไร" (เช่น ได้กำไรเพิ่มอีก 5%) ดังนั้น เมื่อมีกำไรเล็กน้อย (เช่น +5%) สมองจะสั่งให้ "ขาย" ทันที เพื่อ "ล็อค" ความสุขนั้นไว้ และ "ป้องกัน" ความเจ็บปวดในอนาคต
- ความต้องการความแน่นอน (Need for Certainty): กำไร +5% ที่ "อยู่ในมือ" คือ "ความแน่นอน" (Certainty) แต่กำไร +50% ในอนาคต คือ "ความไม่แน่นอน" (Uncertainty) สมองของเราถูกตั้งโปรแกรมให้เลือก "ความแน่นอน" เสมอ
ในทางกลับกัน เมื่อ "ขาดทุน" (-5%) สมองจะเข้าสู่โหมด "ปฏิเสธความจริง" (Denial) และ "มีความหวัง" (Hope) ว่าเดี๋ยวมันก็กลับมา นี่คือเหตุผลที่เรา "ทนถือขาดทุน" ได้เก่งกว่า "ทนรวย" มาก
การจะเป็น Trend Follower ที่ดีได้ ต้องมี "ระบบ" ที่แข็งแกร่งพอที่จะ "เอาชนะ" สัญชาตญาณเหล่านี้
2. หัวใจของ Trend Following: เริ่มต้นอย่างไร?
ปรัชญา Trend Following มี 2 ขั้นตอนง่ายๆ:
- ระบุ "แนวโน้มขาขึ้น" (Uptrend) ให้เจอ: นี่คือขั้นตอนแรก ห้ามเทรดรันเทรนด์ในหุ้นที่ไม่มีแนวโน้ม (Sideways) หรือเป็นขาลง (Downtrend) หุ้นที่อยู่ในขาขึ้น จะต้องมีโครงสร้างราคาแบบ "Higher High" (ยอดสูงขึ้น) และ "Higher Low" (ฐานสูงขึ้น)
- หา "จังหวะเข้า" (Entry): เมื่อระบุแนวโน้มได้แล้ว ก็รอจังหวะเข้าซื้อ ซึ่งมักจะเป็น 2 จังหวะคลาสสิก:
- ซื้อเมื่อทะลุ (Buy on Breakout): ซื้อเมื่อราคาทะลุ "แนวต้าน" เดิมขึ้นไป
- ซื้อเมื่อย่อ (Buy on Dip): ซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาที่ "แนวรับ" หรือ "เส้น Trend Line" (ดังที่กล่าวในบทความก่อนหน้า)
แต่การ "เข้า" ไม่ใช่ส่วนที่ยาก... ส่วนที่ยากคือ "การถือ" ต่อจากนี้
3. 3 เครื่องมือ "บังคับถือ" (How to "Let Profits Run")
เมื่อเข้าซื้อแล้ว ต้อง "ฆ่า" อารมณ์ความรู้สึกทิ้งไป และใช้ "ระบบ" ที่เป็นกลไกในการตัดสินใจว่าจะ "ขาย" เมื่อไหร่แทน นี่คือ 3 เครื่องมือหลักที่มืออาชีพใช้ในการ "รันเทรนด์"
เครื่องมือที่ 1: Trailing Stop (Stop Loss แบบเลื่อนตาม)
นี่คือเครื่องมือที่ "ดีที่สุด" ในการล็อคกำไร และ "บังคับ" ให้เราถือหุ้นตราบใดที่มันยังไม่กลับตัวอย่างรุนแรง
- แนวคิด: Trailing Stop คือคำสั่ง Stop Loss ที่ "เคลื่อนที่ขึ้น" ตามราคา แต่ "จะไม่เคลื่อนที่ลง"
- ตัวอย่างการใช้งาน:
- ซื้อหุ้น A ที่ 100 บาท
- ตั้ง Trailing Stop ไว้ที่ 10% (หรือ 10 บาท) -> จุด Stop Loss อัตโนมัติอยู่ที่ 90 บาท
- ราคาหุ้นขึ้นไป 120 บาท -> จุด Stop Loss จะ "เลื่อน" ตามขึ้นไปที่ 108 บาท (ต่ำกว่า 120 อยู่ 10%)
- ราคาหุ้นขึ้นไป 150 บาท -> จุด Stop Loss "เลื่อน" ตามไปที่ 135 บาท (ต่ำกว่า 150 อยู่ 10%)
- ต่อมาราคา "ย่อ" ลงมาที่ 140 บาท -> จุด Stop Loss "ไม่ขยับ" ยังคงอยู่ที่ 135 บาท
- สุดท้ายราคา "ร่วง" ลงมาแตะ 135 บาท -> ระบบ "ขาย" ทำกำไรให้ทันที
ข้อดี: Trailing Stop คือระบบอัตโนมัติที่ช่วย "ขจัดอารมณ์" ได้ 100% มันบังคับให้ถือหุ้นจนกว่าแนวโน้มระยะสั้นจะพัง และ "ล็อคกำไร" (กำไร 35%) ไว้ได้ โดยไม่ต้องมานั่งเสียดายว่าไม่ได้ขายที่ 150 บาท (เพราะไม่มีใครรู้จุดสูงสุด)
เครื่องมือที่ 2: เส้นค่าเฉลี่ย (Moving Average - MA)
นี่คือวิธีที่ "เรียบง่าย" และ "เครียดน้อย" ที่สุด เหมาะสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ไม่ต้องการตั้งค่าซับซ้อน
- แนวคิด: ใช้เส้น MA (เช่น EMA 50-day) เป็น "เส้นแบ่ง" แนวโน้ม
- กฎของระบบ:
- เข้าซื้อ: เมื่อราคาตัดขึ้น (Golden Cross) หรือ ยืนเหนือเส้น MA ได้
- "ถือ" (HOLD): ถือหุ้นนั้นต่อไปตราบใดที่ "ราคาปิด" (Close) ในแต่ละวัน "ยังคงยืนอยู่เหนือเส้น MA" ที่ใช้เป็นเกณฑ์
- "ขาย" (SELL): ขาย "ทันที" เมื่อ "ราคาปิด" ในวันนั้น "หลุด" ต่ำกว่าเส้น MA
วิธีนี้จะช่วยกรอง "การย่อตัว" (Noise) ระหว่างวันออกไป และสนใจเฉพาะ "จุดจบ" ของแนวโน้มที่แท้จริงเท่านั้น
เครื่องมือที่ 3: โครงสร้างตลาด (Market Structure)
นี่คือวิธีที่ "ยืดหยุ่น" ที่สุด แต่ต้องใช้ประสบการณ์มากที่สุด
- แนวคิด: ตราบใดที่หุ้นยังอยู่ใน "ขาขึ้น" มันจะต้องสร้าง "จุดต่ำสุดที่สูงขึ้น" (Higher Lows - HL) ไปเรื่อยๆ
- กฎของระบบ:
- "ถือ" (HOLD): ถือหุ้นนั้นต่อไปตราบใดที่การ "ย่อตัว" ของมัน "ไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่" (ไม่หลุด Low ล่าสุด)
- "ขาย" (SELL): ขาย "ทันที" เมื่อราคา "ทำลาย" โครงสร้างขาขึ้น นั่นคือการทำ "จุดต่ำสุดที่ต่ำลง" (Lower Low - LL) เป็นครั้งแรก เพราะนั่นคือสัญญาณแรกว่า "แนวโน้ม" อาจจะจบแล้ว
4. ความจริงที่ต้องยอมรับ (Win Rate vs. Risk/Reward)
การเทรดแบบ Trend Following "ไม่ได้" ถูกออกแบบมาให้ "ชนะบ่อย"
ในความเป็นจริง กลยุทธ์นี้มี "อัตราการชนะ" (Win Rate) ที่ค่อนข้างต่ำ อาจจะชนะเพียง 30% - 40% ของการเทรดทั้งหมดเท่านั้น นั่นหมายความว่าการเทรด 10 ครั้ง อาจจะ "ขาดทุน" (โดน Stop Loss เล็กๆ) ถึง 6-7 ครั้ง
หัวใจของระบบ (High Risk-to-Reward Ratio)Trend Following อยู่รอดได้เพราะ "กำไรคำโต" การขาดทุน 6 ครั้ง ครั้งละ -1% (รวม -6%) จะถูกชดเชยด้วยการ "ชนะ" เพียง 1 ครั้ง ที่ทำกำไรได้ +20% (กำไรสุทธิ +14%)
ดังนั้น ผู้ที่จะใช้ระบบนี้ต้องมี "ความอดทนทางจิตใจ" ที่สูงมาก เพื่อยอมรับการ "ขาดทุนเล็กๆ ซ้ำๆ" เพื่อรอ "ชัยชนะครั้งใหญ่" ที่จะมาถึง
สรุป: เปลี่ยนจาก "นักทำนาย" เป็น "ผู้ตาม"
"กำไรคำโต" ไม่ได้มาจากการพยายาม "ขายที่จุดสูงสุด" (ซึ่งเป็นไปไม่ได้) แต่มาจากการ "มีวินัย" ในการถือหุ้นที่ "ถูกต้อง" ให้นานที่สุด
หยุดถามตัวเองว่า "จะได้กำไรเท่าไหร่" หรือ "มันจะขึ้นไปถึงไหน" แต่ให้เปลี่ยนไปใช้ "ระบบ" และถามว่า "จุด Stop Loss (แบบเลื่อนตาม) ของเราอยู่ที่ไหน?" หรือ "ราคายังยืนเหนือเส้น MA หรือไม่?"
ปล่อยให้ "ระบบ" เป็นคนบอกให้ขาย ไม่ใช่ "อารมณ์" นี่คือหนทางเดียวที่จะเอาชนะจิตวิทยา "ขายหมู" และเปลี่ยนไปสู่การ "รันเทรนด์" เพื่อกำไรคำโตได้อย่างแท้จริง
แหล่งอ้างอิง (References)
- Covel, M. W. (2009). Trend Following: How to Make a Fortune in Bull, Bear, and Black Swan Markets. (หนังสือคลาสสิกด้าน Trend Following)
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET). (2568). จิตวิทยาและวินัยในการลงทุน. เข้าถึงได้จาก www.set.or.th
- Settrade. (2568). Trailing Stop. เข้าถึงได้จาก www.settrade.com
SKE Solar (ตัวแทนจำหน่าย Sungrow) พร้อมดูแลครบวงจร!
ติดต่อเราเพื่อสำรวจหน้างานและรับคำปรึกษา "ฟรี" ได้เลยวันนี้!
บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (SKE Solar)
(ตัวแทนจำหน่ายและติดตั้ง Sungrow อย่างเป็นทางการ)
โทร: 045-905-215
เว็บไซต์: www.supsaringkan.co.th
Facebook: facebook.com/SKESolarEnergyUbon
LINE: @760fgpmx
#โซล่าเซลล์อุบล #ภาคอีสาน #SKEolar #Sungrow #ขออนุญาตPEA #ROI #ติดตั้งทั่วไทย
© 2025 บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ | Copyright © 2025 Supsaringkan Engineering Co., Ltd. All Rights Reserved.
Miss Kaewthip



