"TFEX (Futures)" (เทรดขาลง): ทำกำไรใน "ตลาดหมี" | SKE

นักลงทุนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับการทำกำไรใน "ตลาดกระทิง" (Bull Market) นั่นคือการ "ซื้อถูก ขายแพง" (Buy Low, Sell High) แต่เมื่อตลาดเปลี่ยนเป็น "ตลาดหมี" (Bear Market) หรือภาวะขาลง... นักลงทุนส่วนใหญ่ทำได้เพียง "นั่งทับมือ" หรือ "ทนดอย" รอให้พายุผ่านไป

แต่มีเครื่องมือทางการเงินหนึ่งที่ออกแบบมาเพื่อ "ทำกำไร" จาก "ขาลง" โดยเฉพาะ นั่นคือ "Futures" (สัญญาซื้อขายล่วงหน้า) ที่ซื้อขายกันในตลาด TFEX (Thailand Futures Exchange)

การเทรด TFEX เปิดโอกาสให้เทรดเดอร์สามารถ "เทรดขาลง" (Short Selling) ได้อย่างสะดวก และใช้ประโยชน์จาก "อัตราทด" (Leverage) เพื่อเพิ่มผลกำไร (และขาดทุน!) ได้อย่างรวดเร็ว แต่มันคือ "ดาบสองคม" ที่ต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้งก่อนใช้งาน

1. TFEX / Futures คืออะไร? (ต่างจาก "หุ้น" อย่างไร?)

TFEX คือ "ตลาด" ที่ซื้อขายสินค้าประเภท "Futures" (และ Options)

Futures (สัญญาซื้อขายล่วงหน้า) คือ "สัญญา" ที่ตกลงกันว่าจะ "ซื้อ" หรือ "ขาย" สินค้าอ้างอิง (Underlying Asset) ใน "ราคาที่กำหนด" ณ "วันหมดอายุ" ในอนาคต

สินค้าอ้างอิงยอดนิยมใน TFEX ได้แก่:

• ดัชนี (Index Futures): เช่น SET50 Futures (S50) ซึ่งอ้างอิงกับดัชนี SET50
• หุ้นรายตัว (Single Stock Futures - SSF): เช่น PTT Futures, AOT Futures ซึ่งอ้างอิงกับราคาหุ้นแม่
• สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities): เช่น Gold Futures (ทองคำ), Rubber Futures (ยางพารา)

ความแตกต่างสำคัญจาก "หุ้น":

2. "เทรดขาลง" (Short Selling) ทำอย่างไร?

นี่คือ "จุดเด่น" ที่สุดของ TFEX ที่ช่วยให้ทำกำไรใน "ตลาดหมี"

Short Selling ใน Futures ไม่ใช่การ "ยืมหุ้นมาขาย" เหมือนในตลาดหุ้น แต่คือการ "เปิดสถานะขาย" (Open Short Position) โดยตรง

กลไก "Sell High, Buy Low"

1. วิเคราะห์: คาดการณ์ว่าราคา SET50 Index (ปัจจุบัน 950 จุด) "กำลังจะลง"
2. เปิดสถานะ Short (Sell High): ส่งคำสั่ง "Short" S50 Futures ที่ 950 จุด (เปรียบเหมือน "ขาย" สัญญาก่อน)
3. รอ: ราคา SET50 Index "ลง" จริงๆ ไปที่ 900 จุด
4. ปิดสถานะ Short (Buy Low): ส่งคำสั่ง "Long" (หรือ "ซื้อคืน") S50 Futures ที่ 900 จุด เพื่อ "ปิด" สถานะ Short เดิม
5. กำไร: กำไร = 950 - 900 = 50 จุด (ต่อ 1 สัญญา)

ถ้าคาดการณ์ "ผิด" (ราคาขึ้นไป 1000 จุด) แล้วปิดสถานะ -> ขาดทุน = 950 - 1000 = -50 จุด

3. ทำไมต้อง TFEX ใน "ตลาดหมี"?

1. "โอกาส" ทำกำไร (Profit Opportunity)

นี่คือเหตุผลหลัก ในขณะที่นักลงทุนหุ้น "ติดดอย" หรือ "ขาดทุน" เทรดเดอร์ TFEX ที่ "Short" ตามแนวโน้มขาลง สามารถ "ทำกำไร" ได้

2. "ป้องกันความเสี่ยง" (Hedging)

นักลงทุนที่ "ถือหุ้น" จำนวนมากในพอร์ต (เช่น กองทุน, VI) สามารถใช้ TFEX เพื่อ "ป้องกันความเสี่ยง" ในช่วงตลาดขาลงได้

ตัวอย่าง Hedging:

นักลงทุนถือหุ้นเต็มพอร์ตมูลค่า 10 ล้านบาท คาดว่าตลาด (SET50) กำลังจะลง 10% (ขาดทุน 1 ล้านบาท)

การ Hedge: เขา "Short" SET50 Futures ในมูลค่าที่ใกล้เคียงกัน (10 ล้านบาท)

ผลลัพธ์: ถ้าตลาดลง 10% จริง...
- พอร์ตหุ้น: ขาดทุน 1 ล้านบาท
- พอร์ต TFEX (Short): กำไร 1 ล้านบาท
สุทธิ: = 0 (ไม่ขาดทุน)

นี่คือวิธีที่สถาบันใช้ "ประกัน" พอร์ตหุ้นของตนเอง

4. ความเสี่ยง "มหันต์" (The Dangers of Futures)

พลังในการทำกำไรขาลง มาพร้อมกับ "ความเสี่ยง" ที่สูงกว่าหุ้นหลายเท่า

1. "อัตราทด" (Leverage): ดาบสองคม #1

การวาง Margin เพียง 5-10% หมายความว่ามี Leverage 10x-20x โดยธรรมชาติ

ผลของ Leverage:

ถ้า S50 ขยับ +1% ... กำไร (Long) / ขาดทุน (Short) = +/- 10-20%
ถ้า S50 ขยับ -1% ... ขาดทุน (Long) / กำไร (Short) = -/+ 10-20%

การเคลื่อนไหว "เล็กน้อย" ของตลาด สามารถ "ล้างพอร์ต" ได้ภายใน "วันเดียว" หากไม่มี Money Management ที่ดี

2. โอกาส "ขาดทุนไม่จำกัด" (Unlimited Loss - Short Selling): ดาบสองคม #2

เมื่อ "ซื้อ" (Long) หุ้น/Futures ... การขาดทุน "สูงสุด" คือ 100% (ราคาลงไป 0)

แต่เมื่อ "ขาย" (Short) Futures ... การขาดทุน "สูงสุด" คือ "ไม่จำกัด" (Unlimited!) เพราะราคา (ทางทฤษฎี) สามารถ "ขึ้น" ไปได้เรื่อยๆ ไม่มีเพดาน นี่คือความเสี่ยงที่น่ากลัวที่สุดของการ Short

3. "Margin Call" และ "Force Sell"

เนื่องจากมีการคิดกำไร/ขาดทุน "ทุกวัน" (Mark to Market) หาก "ผิดทาง" จนเงิน Margin "ต่ำกว่า" ระดับที่กำหนด โบรกเกอร์จะ "เรียกหลักประกันเพิ่ม" (Margin Call)

หาก "ไม่มี" เงินมาเติมภายในเวลา... โบรกเกอร์จะ "บังคับขาย" (Force Sell) สถานะนั้นๆ ทันที (ซึ่งมักจะเป็น "จุดต่ำสุด" ของวัน)

4. ความผันผวนสูง (High Volatility)

ตลาด Futures มักจะ "เหวี่ยง" แรงกว่าตลาดหุ้นปกติ

สรุป: เครื่องมือสำหรับ "มืออาชีพ" (ไม่ใช่สำหรับทุกคน)

TFEX และการ Short Selling คือ "เครื่องมือ" ที่ทรงพลังอย่างยิ่งในการทำกำไรจาก "ตลาดหมี" แต่มัน "ไม่ใช่" สำหรับทุกคน

ข้อควรปฏิบัติ "ก่อน" เทรด TFEX:

1. มีประสบการณ์ (Experience): ควรมีประสบการณ์เทรด "หุ้น" มาก่อน อย่างน้อย 1-2 ปี
2. เข้าใจ Leverage & Margin: ต้องเข้าใจ "ความเสี่ยง" ของอัตราทดอย่างถ่องแท้
3. มี "Money Management" (MM) ที่ "เข้มงวด": "กฎ 1%" และ "Stop Loss" สำคัญกว่าใน TFEX หลายเท่าตัว
4. มี "ระบบเทรด" (Trading System): ห้ามเทรด TFEX ด้วย "ความรู้สึก" เด็ดขาด

สำหรับเทรดเดอร์ที่มีวินัยและเข้าใจความเสี่ยง TFEX คือ "โอกาส" ที่จะเปลี่ยน "วิกฤต" (ตลาดหมี) ให้เป็น "กำไร" ได้ แต่สำหรับมือใหม่ มันคือ "ทางลัด" สู่ "หายนะ" (การล้างพอร์ต) ที่เร็วที่สุด

แหล่งอ้างอิง (References)

1. Thailand Futures Exchange (TFEX). (2568). เกี่ยวกับ TFEX: สินค้า Futures. เข้าถึงได้จาก www.tfex.co.th
2. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET). (2568). Derivative Warrant vs Futures. เข้าถึงได้จาก www.set.or.th
3. Settrade. (2568). ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ Futures. เข้าถึงได้จาก www.settrade.com

SKE Solar (ตัวแทนจำหน่าย Sungrow) พร้อมดูแลครบวงจร!
ติดต่อเราเพื่อสำรวจหน้างานและรับคำปรึกษา "ฟรี" ได้เลยวันนี้!

#โซล่าเซลล์อุบล #ภาคอีสาน #SKEolar #Sungrow #ขออนุญาตPEA #ROI #ติดตั้งทั่วไทย

© 2025 บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ | Copyright © 2025 Supsaringkan Engineering Co., Ltd. All Rights Reserved.